Categories
Diary Sport

Audax 400 ดงพญาเย็น

Audax 400 BRM ดงพญาเย็นเป็นสนามที่จัดโดยทีมงาน Audax Nakhon Ratchasima ที่ก่อนหน้านี้จัดงาน 200 BRM วังน้ำเขียวไปตอนเดือนมกราคม โดยปีนี้เปลี่ยนเส้นทางบางส่วนนิดหน่อยให้หลีกเลี่ยงทางลูกรัง และปรับถนนให้เรียบขึ้นบางช่วงเช่นกันสนามนี้ตั้งใจจะเก็บ 400 เป็นสนามแรก ตอนลงสมัครไปก็ลงสมัครไปคนแรกเลย ลืมดูว่าระยะไต่เยอะมากจนเป็นรองสนามระดับ Hard อย่าง 400 BRM พุน้ำร้อนแค่นั้น 55

จุดสตาร์ท สวนสัตว์นครราชสีมา

ช่วงวันจริงก็ตื่นจากที่พักในสวนสัตว์แล้วปั่นออกมาจุดสตาร์ท เลยลองเอาหมอบวินเทจโครโมลีสับถังไปปั่นก็เพิ่งรู้ว่ารถหนักกว่าชาวบ้านเค้า จะตามเค้าทันเหรอครับ ทำไงได้ ก็เอาไปปั่นแล้ว

กินก่อนจะออกตัว

บริเวณจุดสตาร์ทมีอาหารให้รับประทานจากทีมงานที่จัด เลยกินไปพอสมควรเพื่อเติมแรงก่อนครับ เติมน้ำเรียบร้อยแล้วรอเวลา 7.00 น เพื่อเริ่มออกตัวปั่น

Control ร้านกาแฟขาขึ้น

หลังเวลา 7.00 น ก็ออกตัวไปตามปกติ ปั่นไปเรื่อย ๆ ขึ้นลงเนิน ทำความเร็ว 25-30 ไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสัมผัสลมหนาวที่ปะทะหน้าตรง ๆ ซึ่งเป็นลมสวน พร้อมกับปั่นบนถนนใหญ่ที่รถเยอะ และรถดันวิ่งเร็วอีก แต่ดีที่ไหล่ทางกว้าง ก็ปั่นไปเรื่อย ๆ ตามปกติ

การปั่นบนถนนใหญ่ ถ้ามีไหล่ทาง และไหล่ทางไม่แย่มาก แนะนำให้ปั่นบนไหล่ทางครับ

หลังจากนั้นเริ่มปั่นออกไปบนถนนรอง ถนนนี้นี่แหละที่วกวนไปมา บางช่วงหลงเลยต้องปั่นกลับมาทางเดิม แล้วปั่นออกไปเรื่อย ๆ เจอเนินแล้วเนินเล่า พร้อมกับลมมาทุกทิศทาง (แต่ไม่ส่ง) แต่ดีที่เป็นรถเหล็กเลยไหลไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงจุด Control แรกเป็นร้านกาแฟขาขึ้น ร้านเล็ก ๆ เลยเติมน้ำเปล่า และสั่งชามะนาวมากินเพื่อเติมแรงก่อนปั่นขึ้นเขา

CP 1 วัดป่าภูหายหลง

ชันเกินเลยเข็นฮะ

หลังจากพักสักพักแล้ว ปั่นออกไปยังเขาลูกแรกก่อน ก็ค่อย ๆ ไต่ไปตามรอบขาตัวเอง ปั่นควงขารอบขาน่าจะ 50-60 รอบต่อนาที ระหว่างการไต่เขาก็มีรถมาเป็นระยะ แต่รถน้อย ไม่อันตรายอะไรพอถึงยอดแล้วก็ไหลลงยาว ๆ แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้จะเป็นเนินแล้วเนินเล่าอีกเช่นเคย ทำความเร็วได้ 20-25 ไปเรื่อย ๆ พอถึงช่วงใกล้ถึง CP 1 เริ่มไต่เนินชันมากขึ้น ก็ค่อย ๆ ไต่อีกเช่นเคย แต่แดดร้อนมาก ต้องนั่งพักเป็นระยะ และดื่มน้ำบ่อยขึ้น

ช่วงที่แดดร้อนมากให้ค่อย ๆ ปั่น ดื่มน้ำให้พอ พักเป็นระยะเพื่อลดความร้อนในร่างกาย กันฮีทสโตรกครับ

จนใกล้จะถึง CP เลยเลี้ยวเข้ารีสอร์ท แต่ลืมไปว่าประตูปิดเลยต้องไหลลงแล้วไต่เขาต่อจนกระทั่งถึงทางขึ้นวัดป่าภูหายหลง

ระหว่างที่ขึ้นปรับเกียร์แล้วเกียร์ดันรวน เลยเข็นยาวจนกระทั่งถึงจุด CP1 เลยนั่งพักดื่มน้ำแดง กินผลไม้ แล้วเข็นลง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเจอร้านอาหารตามสั่งเลยแวะร้านอาหารตามสั่งก่อน

CP2 วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม (วัดพระขาว)

กินข้าวเสร็จแล้วปั่นออกมาเจอทีมหนีตายเลยเกาะไปด้วย เราก็ค่อย ๆ ไต่เนินแล้วเนินเล่าอีกเช่นเคย ทำความเร็วได้ 20~30 km/hr ตลอดทาง ช่วงไต่เนินก็ไต่ช้ากว่าเขา (ก็รถหนักกว่าชาวบ้าน 55) แต่ลงเนินเร็วกว่าเค้า จนกระทั่งถึงร้าน 7-11 สามแยกที่จะเลี้ยวขวาก่อนถึงทางเข้าเขาใหญ่

กลุ่มนี้หนีตายทุก CP ครับ

ถนนที่ปั่นระหว่างทางก่อนถึง 7-11 มีรถเยอะ น่าจะเป็นช่วงที่จัดคอนเสิร์ตเลยปั่นระมัดระวังมาถึง 7-11 เติมน้ำ เติมอาหารก่อนแล้วจากนั้นเลี้ยวขวาขึ้นไป เนินแล้วเนินเล่าอีกเช่นเคย ช่วงนี้ตะคริวเริ่มมาแต่เลี้ยงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งใกล้จุด CP ถนนเริ่มเป็นทางลูกรัง แต่ประคองไปได้ตามปกติจนกระทั่งถึง CP2 ลงเวลา เติมน้ำแล้วปั่นออกไป

CP3 ร้านสมบูรณ์พูนผล

ออกจาก CP2 แล้วปั่นออกไปถึงถนนมิตรภาพ ช่วงนี้เป็นถนนหลักองรถยนต์ล่ะฮะ รถวิ่งเร็วมาก อีกอย่างไหล่ทาง ทางห่วยเกิน สะเทือนไปตลอดทาง จนกระทั่งแวะกินข้าวเย็นก่อน

กินข้าวเย็นก่อน

กินข้าวเสร็จแล้วปั่นไหลลงเนินยาว ยาวโคตร จนกระทั่งเข้าทางแยกไปยังมวกเหล็ก ผ่านตัวมวกเหล็ก น่าจะผ่านตลาดโคบาลแล้วปั่นออกไปยังเนินน้ำตกเจ็ดสาวน้อย (ก็ไม่ชันมาก แต่ไต่ช้าเช่นเคย) แล้วตะคริวก็ตอดอีก เลยเลี้ยงไปได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเนินที่ขึ้นบ้านอีเหลอ

ช่วงปั่นขึ้นลงเนิน แนะนำให้ปั่นตามรอบขาตัวเอง ปั่นตามคนอื่นตะคริวมา หม้อน้ำแตกไปซะก่อน

เนินนี้ชันจริงแค่ช่วงแรกเลยค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้มืดสนิท แต่รถน้อยเลยเลื้อยไปได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงยอด แล้วไหลลงยาว ๆ ต่อมาก็ขึ้นเนินอีก (เนินไม่หมดซะที) จนกระทั่งถึง CP3 แล้วกินอาหารอีกรอบหนึ่ง เติมน้ำ เติมอะไรให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนั้นจะไม่มีร้านอีกราว 60 km

CP4 Owl Cafe

ออกจาก CP3 แล้วขึ้นลงเนิน ไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางเจอหมาตลอดทาง หมาโคตรดุ เห่าและบางตัวดันไล่กัดอีก แต่ใช้เทคนิคปั่น tempo เร่งความเร็วหนีมันได้ตลอด ไม่โดนกัด จากนั้นก็ไหลลงเนินยาวเป็นโล (ฟินมาก) แต่อากาศดันหนาวมาก กับลืมใส่เสื้อกันหนาวเลยทน ๆ ไป เลยทำให้ไม่ง่วงอ่ะครับ 55

ช่วงที่รถเยอะ ปั่นบนถนนใหญ่ แนะนำให้ปั่นกลุ่มเรียงหนึ่งไปเรื่อย ๆ (เดี๋ยวไปอบรมใน BBCC (ชมรมจักรยานบ้านบัวทอง) อีกที)

พอลงเนินเสร็จแล้วปั่นออกไปจนกระทั่งถึงเนินอีกเนินหนึ่ง ชันและยาวอีกเช่นเคย ก็ค่อย ๆ ไต่ไป แต่เป็นถนนใหญ่ รถวิ่งตลอด เลยปั่นอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งถึง CP4 Owl Cafe

Control Lotus Express

ออกจาก CP4 แล้วก็งีบราว 20-30 นาที (นอนไม่หลับอีก) จากนั้นปั่นออกไปแวะเซเว่นกินมาม่า กินขนม แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ เป็นถนนรอง แต่สภาพถนนยังกับทางลูกรัง ก็ทำความเร็วได้ดี 20-30 km/hr ตลอด รถก็สะเทือนตลอดทาง ปั่นไหลมาก แต่ก็ออกไปยังถนนใหญ่

พอออกถนนใหญ่เท่านั้นแหละ ก็ค่อย ๆ ปั่นไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้รถวิ่งเยอะ รวมถึงรถสิบล้อ เลยต้องปั่นอย่างระมัดระวังอีกเช่นเคย จากนั้นพอจะถึงทางลอดใต้ถนนมิตรภาพเจอฝรั่งยางแบน เลยช่วยประคองล้อให้คนนั้นสูบลมให้ ลมแข็งระดับหนึ่ง แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ แวะพักที่ปตท แถวนั้น เติมน้ำ กินเติมพลังงาน จากนั้นปั่นออกไป

ช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้น สว่างคาตาเลยจนกระทั่งถึงถนนเล็ก ๆ ก็เลี้ยวเข้าไป เจอเนินแล้วเนินเล่าอีกเช่นเคย ไต่เนินยังช้าเหมือนเดิม แต่พยายามเร่งตลอดทางได้ความเร็ว 15-25 km/hr ตลอดทาง ระหว่างทางก็เจอกลุ่มนักปั่นที่ปั่นซ้อมผ่านไปตลอด ตอนแรกจะเกาะไปแต่ปั่นเร็วมากขอปั่นตามแรงตัวเองก่อนถึงจุด Control ซื้อของ เก็บใบเสร็จ รีบกินรีบออก

Finish สวนสัตว์นครราชสีมา

ออกจากจุด Control โดนทิ้งให้ปั่นคนเดียว แถมลมยังสวนอีกกกกกก เลยปั่นควงขา 20-25 ไปเรื่อย ๆ เจอเนินก็กระทืบขึ้นเนินให้เร็วขึ้น เป็นเนินแล้วเนินเล่าอีกเช่นเคย (ไม่หมดซะที) พอออกไปถึงถนนใหญ่เส้น 304 (เส้นที่เคยจัด 300 เขาใหญ่) เลยช่วงนี้พยายามทำความเร็วเพิ่มขึ้น บวกกับลมส่งเลยใช้แรงน้อยลง ทำได้ราว 20-30 km/hr ตลอดทาง เจอเนินก็กระทืบขึ้น 20-25 แล้วไหลขึ้นลง แวะพักตอนไฟแดงแค่นั้น

ปั่นจบครับ

หลังจากออกตัวจากไฟเขียว รีบปั่นไปเรื่อย ๆ เจอแยกสุดท้าย รอไฟแดง พอไฟเขียวเลี้ยวขวาแล้วรีบปั่นเข้าสวนสัตว์ จากนั้นถึงจุด Finish พอดี จบแล้วระยะทาง 400 km แรกก็ซื้อเหรียญ กินข้าวกลางวันแล้วกลับไปที่พัก อาบน้ำ เก็บของ เช็คเอ้าท์แล้วขับกลับกรุงเทพฯตอนปั่นจบทีมงานถูกใจมาก มีถ่ายเบาะ Brooks ที่ซื้อจากร้านคุณโบ BOVELO Bangkok Bike Shop กับลองยกรถพบว่าอึ้งกับความหนักของรถที่หนักมากครับและสนามนี้ จบบ๊วยอีกเช่นเคย 555555555555555

สนามนี้เป็นสนามแรกที่เก็บระยะ 400 km แรก สิ่งที่ได้คือ

  • ถ้าไต่เนินเยอะ ไต่เขาบ่อย แนะนำให้ใช้รถเบาขึ้น (มีหลายคนแนะนำแล้ว แต่รองบก่อน)
  • ปั่นไปเรื่อย ๆ พักน้อย แต่ปั่นไม่หยุดก็ถึง
  • ถนนทางห่วย ถ้าได้รถที่เป็นเฟรมคาร์บอน รถที่มีระบบซับสะเทือนแบบ Iso Speed ใน Trek Domane หรือยี่ห้ออื่น ๆ กับรถที่มีหน้ายางกว้างขึ้นจะปั่นสบายขึ้น
  • ฟิตกล้ามเนื้อมากกว่านี้จะทนต่อการปวดไหล่ ปวดหลังได้
  • ติดคลีทแล้วจะผ่อนแรงในการปั่นได้

อีกอย่างที่ลืมบอกไป สนามนี้ไม่ได้ง่าย และไม่ยากจนเกินไป ใครใช้เสือหมอบอยู่แล้วเอามาปั่น ถ้าปั่นดี ๆ ยังไงก็จบ (เหมือนคน ๆ นึงกล่าวไว้ว่าปั่นถอยหลังก็จบ แต่คนนั้นรถดีกว่าที่ผมใช้นะ)

อื่นๆ

เก็บระยะ 400 km แล้วเหลือระยะ 600 km ระยะเดียวจะได้ SR 2020 แล้ว ส่วน 1000 อาจจะไปสนาม easy ก่อน (บางปะอิน – บางสะพาน แต่ขอคิดดูก่อน 55)

By Kittisak Chotikkakamthorn

อดีตนักศึกษาฝึกงานทางด้าน AI ที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัย National Chung Cheng ที่ไต้หวัน ที่กำลังหางานทางด้าน Data Engineer ที่มีความสนใจทางด้าน Data, Coding และ Blogging / ติดต่อได้ที่: contact [at] nickuntitled.com