Categories
Diary Sport

TC 100 KOR (King of Rolling) Season 2

TC 100 KOR (King of Rolling) เป็นหนึ่งในงานปั่นจักรยานที่จัดขึ้นโดยทีมงานของ TC randonneurs ที่มีคุณชานล เพชรฉ่ำและทีมงานเป็นคนจัดขึ้น งานปั่นงานนี้ไม่ได้รวมอยู่ในงานปั่น TC100 ปกติ งานนี้จัดขึ้นที่ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ลักษณะของงานที่จัดเป็นแนวไต่เขา และเนินโรลลิ่ง (ไต่เนินขึ้น ลง สลับกันเป็นระยะ ๆ) ระยะทางโดยปกติที่จัดเป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร โดยประมาณ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงที่จัดงานเป็นหน้าร้อนทำให้ระยะทางที่จัดลดลงมา 30 กิโลเมตร เหลืออยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร ทำให้นักปั่นสามารถปั่นจบได้เร็วขึ้นมากกว่าเดิมครับ

TC100 คืออะไร

TC100 คืองานปั่นจักรยานที่ได้รับการกำหนดให้นักปั่นปั่นเป็นระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร โดยจะมีจุด checkpoint เป็นระยะ ๆ เพื่อให้นักปั่นลงเวลาในการเข้า checkpoint โดยเวลาที่เข้าแต่ละจุดจะต้องเข้าก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ลักษณะเวลาที่กำหนดไว้จะกำหนดเป็นช่วง อย่างไรก็ตามถ้านักปั่นเข้าเร็วกว่ากำหนด ผู้ปั่นต้องรอจนกว่าจุดนั้นจะเปิดเพื่อลงเวลาครับ ในงานนี้เป็นเหมือนการเตรียมตัวก่อนการไปปั่นงาน audax ที่มีระยะทางที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

งาน TC100 KOR เป็นงานที่จัดนอกเหนือจากงาน TC100 ปกติิ โดยงานปั่นงานนี้เป็นหนึ่งในงานปั่น 4 สนามของทั้งหมด หรือที่เรียกว่า 4 Knights ซึ่งแต่ละสนามมีความยากที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

  • TC100 Miles จัดที่มวกเหล็ก
  • TC100KOR (King of Rolling) ที่จะกล่าวถึงในบทความนี้
  • 6 เขา 6 อ่าว จัดที่สัตหีบ
  • TC100 Extreme (น่าจะจัดที่จันทบุรี แต่ยังไม่แน่ชัดต้องรอทางผู้จัดแจ้ง)

ข้อมูลของงานปั่น

งานปั่น TC100 KOR (King of Rolling) เป็นงานปั่นที่จัดขึ้นที่ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 งานนี้ได้รับการกำหนดให้ปั่นเป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร ลักษณะสนามที่ปั่นเป็นเนินขึ้น-ลงตลอดระยะทางปั่น นอกจากนี้มีเนินให้ไต่เขาอยู่ 2-3 เนินซึ่งเป็นจุดไฮไลค์ครับ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันและเวลาที่จัดอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่ตอนกลางวันร้อนมากกว่าฤดูกาลอื่น ทำให้ผู้จัดลดระยะทางลงเหลือ 70 กิโลเมตรโดยประมาณ เพื่อให้ผู้ป่น ปั่นจักรยานจบได้เร็วขึ้นโดยไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป

เนินที่อยู่ในสนามจะเป็นเนินขึ้น-ลง ซึ่งถ้ารถจักรยานที่ใช้สามารถปั่นส่งขึ้น-ลงเนินได้เร็ว เราจะเหนื่อยน้อยลงครับ แต่รถล้อเล็กจะมีปัญหาอยู่ที่ความเร็วปลายของรถล้อเล็กมีน้อยกว่าล้อใหญ่ ทำให้การส่งลงเนิน-ขึ้นทำได้ไม่ดี ยิ่งล้อเล็กเท่าไรก็ปั่นลงขึ้นเนินจะทำไม่ได้เลย จำเป็นต้องปั่นขึ้นเนินตลอดเวลาทำให้เหนื่อยมากขึ้น ที่เห็นในงานมีล้อเล็กสุดคือล้อ 18 นิ้วที่ใช้จานหน้า 52 เฟือง 11-32 ความเร็วเมื่อใช้เฟือง 11 จานหน้า 52 จะอยู่ที่ 30-35 km/hr ซึ่งไม่เพียงพอครับ นอกจากนี้มีเนินชันอยู่บางจุด แต่ละจุดจะชันราว 5-15% ซึ่งไม่ยาว รถเกือบทุกคันสามารถปั่นขึ้นได้ครับ แต่ถ้าปรับแต่งให้ดีจะทำให้เราปั่นขึ้นได้ง่าย และสบายกว่าเดิม

การเตรียมตัว

รถที่ผมใช้เป็นรถพับ Dahon Horize ที่มี

  • ขนาดล้อเป็น 20 นิ้ว (เส้นผ่านศูนย์กลาง 451 มิลลิเมตรตามมาตรฐาน ETRTO และยางที่ใช้เป็น Panaracer Minits Lite 20×1-1/8)
  • จานหน้า 50/34 เฟือง 11-34

ความเร็วปลายจะอยู่ประมาณ 40 km/hr ซึ่งพอไหม คิดว่าไม่นะ โดยอัตราทดที่คำนวณได้จากเว็บ Sheldon Brown จะอยู่ที่

และความเร็วจเมื่อปั่นด้วยรอบขา 90 ครั้งต่อนาทีจะอยู่ที่

คิดว่าความเร็วปลายยังไม่พอต่อการปั่นส่งเวลาลงเนินนะ ถ้าใช้จานหน้าใหญ่ขึ้น หรือเฟืองหลังเล็กลง หรือใช้ล้อใหญ่ขึ้นจะทำให้เราส่งลงเนินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม

บันทึกการปั่น

เราเดินทางมาถึงวันก่อนปั่น 1 วันเพื่อมาพักที่เพลย์ พลา บีช รีสอร์ตแล้วพรุ่งนี้มาลงทะเบียนเพื่อรับป้าย และรับใบ brevet (ที่ไว้ลงประทับตราเวลาเข้า Checkpoint) จากนั้นเตรียมรถครับ

รอเวลาสักพัก งานปั่นก็เริ่มราว 7 โมง 10 นาที เราออกไปตาม GPS ซึ่งมีรถไปคนละทางกันกับไนแผนที่ครับ พอผ่านไปได้สักพักเจอกับกลุ่มที่ปั่นเป็นกลุ่มไม่ใหญ่มาก ระหว่างที่ปั่นเจอทางด่วนที่สร้างไม่เสร็จมีพี่ที่ดูแลทางบอกว่าต้องไปอยู่อีกฝั่งนะ

Hill climb near constructing motorway
บริเวณนี้ที่ทีมงานคนจัดบอกว่ามาผิดทาง (รูปจากเพจ Photos of TC randonneurs)

หลังจากย้ายรถจักรยานไปอีกฝั่งแล้ว เราปั่นไปตามถนนรองที่มีขนาดเล็ก วิวสองข้างเป็นสวนไร่นาประกอบกับมีเนินซึมตลอดทาง ช่วงนี้ใช้จานใหญ่กับเฟืองกลางได้อยู่ ปั่นไปเรื่อย ๆ จะเจอเนินที่เป็นจุดที่ชันเป็นจุดแรกเรียกเนินแผ่หลาครับ ความชันอยู่ราว 8-10 % ตอนนั้นใช้จานหน้าจานเล็ก เฟืองหลังเป็นเฟืองขนาดใหญ่ขึ้น แล้วเราค่อย ๆ ไต่ตามเพชเราเองทำให้ไม่เหนื่อยมากนัก

ต่อมาเราลงจากเนินแผ่หลาไปยังเนินต่อไป เป็นลักษณะเนิน rolling ความชันมีตั้งแต่ 3-4% จนถึง 8-9% ใช้เฟืองใหญ่ จานหน้าเล็กได้ แต่ถ้าชันมากเปลี่ยนเป็นจานหน้าเล็กลงครับ เมื่อเราผ่านเน้นได้สักพัก เราจอเนินที่ไต่ขึ้นมาแล้วจะมีสองทาง ทางแรกอยู่ทางซ้ายเป็นจุด checkpoint ที่สองที่เราปั่นลงมาเพื่อเจอแยกนี้เราข้ามไป เราจะปั่นตรงไปก่อนเพื่อไปยัง checkpoint แรก

ลักษณะของ checkpoint แรก เป็นจุดที่ไม่ค่อยชัด ถ้าไม่สังเกตเราก็ปั่นเลยไป จุดนี้เป็นรถตู้ของทีมงานทีจอดอยู่หน้าโรงงาน เราเติมน้ำกับประทับตราแล้วปั่นเลยไป แล้ววนกลับมาขึ้นเนินซึมระยะยาว จุดนี้เราค่อย ๆ ไต่ขึ้นไป พอถึงยอดแล้วเราจะเจอ checkpoint ที่ 2 ที่เป็นเต้นท์ที่กางไว้มีน้ำให้เติม และเราสามารถถ่ายรูปได้ครับ (รูปบนสุดครับ)

เราลงมายังสามแยกที่เจอตอนแรก เราเลี้ยวขวาลงเนินไปยังเนินที่มีลักษณะ rolling เราปั่นไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางมีสมตีเป็นระยะ เราจับดรอปของแฮนด์แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ ใช้ความเรึว 25-30 km/hr จนกระทั่งเข้าเส้นชัยครับ จุดนี้อากาศเริ่มร้อนและรถเริ่มเยอะ เราต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ตะคริวเริ่มมา (ลืมยืดเส้น) ทำให้ต้องพักตามร้านเป็นระยะ อย่างไรก็ตามเราปั่นเข้าจุดสุดท้ายได้ก่อนหมดเวลาราว 1 ชม ครับ

เมื่อปั่นจบแล้วก็ถ่ายรูปรับเหรียญ กินข้าว แล้วนั่งรถกลับบ้าน งานนี้ปั่นจบได้โดยที่ไม่ล้าจนเกินไปนะ

By Kittisak Chotikkakamthorn

อดีตนักศึกษาฝึกงานทางด้าน AI ที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัย National Chung Cheng ที่ไต้หวัน ที่กำลังหางานทางด้าน Data Engineer ที่มีความสนใจทางด้าน Data, Coding และ Blogging / ติดต่อได้ที่: contact [at] nickuntitled.com