Categories
Diary Sport

Audax 200BRM ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่เป็นทางผ่านไปยังภาคใต้ ที่รถทุกคนจะต้องผ่านจังหวัดนี้ก่อน ทีนี้เมื่อสองปีที่แล้วมีการจัดงานปั่น Audax 200 Test run โดยทีมงาน PAJOD ที่ตั้งมาประมาณ 2 ปีแล้ว สนามตอน Test run ที่เราไปปั่นมา แต่ดันลืมดูยาง ยางแบนแล้วปั่นหนีดแทบไม่ไปจน DNF ครับ

พอมาถึงปีที่แล้ว ก่อนที่โควิดจะระบาดจนรัฐบาลสั่งล็อคดาวน์ งานปั่น Audax 200BRM ประจวบคีรีขันธ์ได้จัดขึ้นช่วงต้นเดือนมีนาคมพอดี เราเลยสมัครไปปั่นงานนี้เพื่อแก้มือครับ ตอนนั้นไปก็เอาหมอบไปนี่แหละครับ ปั่นสบายขา ไหล ๆ ดีตามที่เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านั้น

การสมัคร ก็สมัครเข้าไปผ่านทางหน้าเว็บ Audax Thailand ตามปกติ จ่ายเงิน 200 บาทนิด ๆ แล้วรอวันจริง ก็นั่งรถไฟไปที่พัก ที่พักที่เราพักเป็นมั่นรัก Hostel ที่เป็นที่พักราคาประหยัด ใกล้ตัวเมือง เดินทางสะดวกครับ พักสองคืนครับ สภาพที่พักดีมาก จองห้องนึงนอนได้หลายคน สำหรับใครที่จะมาปั่นงานปั่น 200 ที่จัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมครบ 100 ปีที่จัด Audax ผู้อ่านสามารถเข้าไปจองที่พักได้ครับ

รูปบางรูปเราไม่ได้ถ่ายไว้ เลยหยิบเอารูปจากเพจ PAJOD กับหยิบเอารูปใน Google Street View มาใช้นะครับ

จุด Start

สะพานสราญวิถี (ภาพจาก PAJOD)

เมื่อตื่นขึ้นมาวันจริง เรากับกลุ่มที่ปั่นไปที่จัดงานซึ่งตั้งอยู่บริเวณสะพานสราญวิถี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีเลย เพราะตั้งอยู่จะกลาง ๆ เมือง แถมเดินทางไปได้สะดวกครับ ระหว่างที่รอได้ถ่ายกับพี่สายขล

ใครถ่ายกับพี่สายชล ไม่ว่าสนามไหน ปั่นจบทุกคน (แต่ 600 พิษณุโลกนี่ไม่ชัวร์)

เรารอสักพักนึงจนถึงเวลา 7 โมง เราออกตัวจากสะพานสราญวิถี

หลังจากออกแล้ว เราต้องปั่นตามเส้นทางเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร เส้นทางและจุดที่ต้องผ่านไม่กี่จุดตามภาพครับ ระยะไต่ตามมาตรฐานของสนาม Audax ทั่วไป ไม่เยอะเกิน และไม่น้อยเกินไปครับ

เส้นทางจาก RidewithGPS

จุด Control ด่านสิงขร (กม 25)

ป้ายด่านสิงขร (รูปจาก Google Street View)

ออกจากจุด Start เราปั่นไปจุดแรกคือด่านสิงขร ด่านนี้เป็นด่านที่ตั้งอยู่ชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมาร์ครับ จุดนี้เป็นจุดที่มีตลาด และคนมาพอสมควร (ในขณะนั้น) แต่พอเจอโควิดไป ได้ยินว่าเงียบไปเลย คงต้องรอเปิดประเทศถึงจะเริ่มกลับมาค้าขายได้

ตอนออกตัว (ภาพจากเพจ PAJOD)

เส้นทางช่วงแรกเป็นเนินซึม เนินขึ้นลงเป็นระยะ ทำความเร็วได้ดีครับ ได้ 25~30 km/hr เป็นระยะ ๆ  จุดนี้ยังไม่ได้ยากเท่าไร ปั่นมาเป็นขบวนใหญ่ ทำให้ดูดและทำความเร็วได้ดี ปั่นแปบ ๆ ก็ถึงจุด Control แรกแล้ว ปั่นเร็วไปหน่อย ทิ้งคนอื่นมาไกลเลยคุณ

ก่อนถึงจุด Control (ภาพจากเพจ PAJOD)
แถวด่านสิงขรครับ

จุดนี้ เราถ่ายรูปกับป้ายตามภาพด้านบนเพื่อนำไปยื่นให้ทีมงานที่ CP1 จากนั้นพักซักพักนึง เลยปั่นออกไปยังป้ายจุดแคบสุดในสยามที่ตั้งอยู่ก่อนหน้า

เราแวะถ่ายรูปที่นี่ แล้วปั่นออกไปครับ

ป้ายจุดแคบสุดในสยาม

จุด CP 1 ร้านข้าวน้องไหม หาดห้วยยาง (กม 54.3)

CP1 ร้านข้าวน้องไหม หาดห้วยยาง (ภาพจาก Google Street View)

เราปั่นออกไปจากด่านสิงขรแล้ว เส้นทางระหว่างจุด CP1 และ Control ก็ยังเป็นเนินซึม เนินต่างระดับเล็กน้อย ปั่นไปก็แวะพักมินิมาร์ทชาวบ้านไป ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ได้ปั่นยากจนเกินไป เพราะเส้นทางไม่ได้ชันมากเกิน 10% อะไร ปั่นไปทำความเร็วได้ดี

อากาศช่วงนี้เริ่มร้อนขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมาก ยังปั่นได้เรื่อย ๆ จนลงเนินมายาวพอสมควร ระหว่างทางมีคนโดนผึ้ง (หรือต่อ ลืมไปแล้ว 55) ต่อยจมูกพอดีเป๊ะก็ระวังนิดนึง (มั้ง)

ลงเนินเสร็จแล้ว เรามาถึงถนนเพชรเกษมที่ต้องลอดใต้สะพานเท่านั้นแหละ ทางเป็นลูกรัง และหินลอยซึ่งจุดนี้จะเข็นก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ของเราใช้หมอบอยู่แล้ว ก็ปั่นไปได้ตามปกติครับ

พอปั่นมาถึงจุดนี้ตามภาพด้านบน และตามภาพที่เอามาจากเพจทางด้านล่างข้อความนี้ครับ ทางร้านมีน้ำมีอาหารให้กินสำหรับคนที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า เราประทับตราไว้ตอน 9.32 น (ประมาณชม. นิด ๆ ก่อนปิด) ก็ปั่นออกไป

จุดนี้ต่างกับตอน Test run ที่เดิมจัดที่วัดข้าง ๆ ร้านที่จัด CP1 ครับ ตอนนั้นมีมะพร้าวให้กินด้วยนะ จนมีภาพที่กินลงในเพจครับ

จุด Control พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ (กม 93.8)

หลังจากที่ปั่นออกจากจุด CP1 แล้ว เราปั่นออกไปริมทะเล วิวกลาง ๆ ในระดับหนึ่ง ผู้อ่านสามารถแวะถ่ายรูปได้

ปั่นออกจากทางลูกรังก็จะเจอถนนแบบนี้ (ภาพจาก Google Street View)

พอปั่นออกไป เราจะปั่นเข้าไปยังทางลูกรังที่อยู่ข้างโรงแรมที่เป็นหินลอยในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก (จุดนี้เป็นจุดที่อ.บุญสมปั่นมาแล้วล้มตอน Test run ครับ)

เราปั่นออกไปแล้วจะไปยังถนนเล็ก ๆ ที่เป็นทางคอนกรีต และยางมะตอยปน ๆ กัน จุดนี้ก็มีเนินซึม เนินต่างระดับนวดซักเล็กน้อย แต่อากาศเริ่มร้อนขึ้นมาและมีทางรถไฟตัดผ่านซึ่งต้องใช้ความระมัดระวัง ก็ปั่นไปตามปกติ จุดนี้เราทำความเร็วได้ดีในระดับหนึ่ง บางทีก็ 20-25-30 km/hr ปน ๆ กันไป แต่จุดนี้ยังไม่ยากเท่าไร

พอออกจากช่วงที่เป็นทางปูนเล็ก ๆ มาแล้ว เราจะไปถึงแถวหาดทับสะแก จุดนี้มีสะพานทับสะแกที่เป็นจุดแลนมาร์ค และใครเริ่มหิว อยากจะกินข้าวเที่ยง ก็มีร้านอาหารตามสั่งให้แวะด้วย ผู้อ่านสามารถสั่งอาหาร และน้ำกินจุดนี้ได้เลย ส่วนใครที่ยังไม่หิวก็ปั่นผ่านไปได้ครับ

ถนนแถวทับสะแกครับ (ภาพจาก Google Street View)

ก่อนจะออกจากทับสะแก จุดนี้มี Street Art ด้วยนะครับ (ตอนไปลืมถ่ายเลยเอาจากเพจนั้นไปเลย)

ออกจากทับสะแกไปแล้ว จะเป็นถนนยางมะตอยตลอดทาง จุดนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้น อันนี้ร้อนจริง ปั่นไปแล้วรู้สึกถึงความร้อนที่สัมผัสได้เลย และช่วงนี้ยังมีเนินซึม เนินต่างระดับมาให้นวดอีก พอปั่นไปก็แวะพักนิดนึง (คือรอคนเป็นตะคริวครับ) พอพักแล้วก็ปั่นไปตามปกติ ทำความเร็วได้ดี บางทีก็ 20-30 km/hr ครับ

เมื่อมาถึงทางขึ้นเขาที่ชัน (ชันสุดของสนามนี้) เราก็ค่อย ๆ ปั่นขึ้นไปตามปกติ ใช้แรงเยอะขึ้นหน่อย ก็ไปถึงจุดที่เป็นสามแยกที่เลี้ยวขวาไปยังยอดเขา

ปั่นขึ้นเขาไปยังจุด Control

เราเลี้ยวขวาแล้วเข็นนิดนึงเพราะทางเข้าแคบ และทำจังหวะไม่ค่อยได้เท่าไร เข็นไปพักนึงก็ปั่นไปถึงยอด ประทับตรา กินผลไม้ครับ บนนั้นน่าจะมีหลากหลายระดับหนึ่ง (เช่นแตงโม มะพร้าวตามรูปด้านล่างที่เอามาจากนั้นเช่นกัน)

เราเติมน้ำเล็กน้อย ถ่ายรูปกับข้างบนนั้น สำหรับจุดนี้เราแนะนำให้ถ่าย เนื่องจากเป็นจุดที่สวยครับ ใครปั่นมาอย่าพลาด (แต่ในรูปก็ถ่ายตัวอาคารไม่ครบครับ :D)

ถ่ายรูปก่อนปั่นลงเขาครับ

เมื่อถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราปั่นลงมา

จุด CP2 ครัวเอกกะรัก แถวอ่าวแม่รำพึง (กม 118.2)

พอลงมาถึงสามแยกจุดเดิม รอกลุ่มที่ปั่นมาที่เราดันปั่นหนีไปก่อนมา พอมาครบแล้ว เราปั่นลงเขาไปยังถนนใหญ่เดิมที่เราปั่นมา จากนั้นเราปั่นไปยัง CP2

ถนนแถวบ้านกรูด โล่ง ๆ แบบนี้ลมแรงนะครับ

จุดนี้ลมสวนแรง (แรงจริง) แต่ยังปั่นไปได้เรื่อย ๆ มีถ่ายรูปตรงแลนมาร์คที่แนะนำระหว่างทาง (เราไม่ได้เอามาลง แต่เป็นจุดที่มีต้นมะพร้าว (หรือต้นปาล์ม) เอนมาตัดกันเป็นรูปตัว X)

จุดนี้ระหว่างทางจะมีบ้านพักตากอากาศที่ให้คนมาพัก และมีตัวหนอนเป็นระยะด้วย ทำความเร็วไม่ได้มาก แต่พอพ้นไปแล้วนะ ทำความเร็วได้ดี 23 – 30 km/hr

สะพานแม่รำพึง (ภาพจาก Google Street View)

เราปั่นออกจากถนนเล็ก ๆ เมื่อกี้ไปจะเป็นพื้นที่โล่งที่มีแดดตอนบ่ายพอดี อากาศร้อนไปหน่อย แต่เราก็ปั่นวนไป ช่วงนี้เริ่มมีเนินซึมขึ้นลงเล็กน้อย เราปั่นเลี้ยวขวาขึ้นไปยังสะพานแม่ลำพึงแถวใกล้ ๆ CP2 แล้วปั่นลงมาจะถึงจุด CP2 พอดี ประทับตราตอน 14.24 น (อีกไม่นานก็จะปิดแล้วนะ)

เราเติมน้ำ กินข้าวตามสั่งอีกรอบนึง

ราคาอาหารจุดนี้ก็กลาง ๆ ไม่แพงมากจนเกินไป เหมาะกับนักปั่นที่มาปั่นที่นี่ อ้ออีกอย่าง จำได้ว่ามีไอติมกะทิฟรีนี่แหละครับ (แต่ตอนปั่นช่วงตุลาฯ นี้คงไม่น่าจะมี)

ครัวเอกกะรัก (ภาพจาก Google Street View)

จุด CP3 ปั้มปตท ตรงตวงปิโตรเลียม

เมิ่อกินเสร็จแล้ว เราปั่นออกไปเลี้ยวขวาเข้าถนนคอนกรีตเล็ก ๆ ก็ปั่นไปตามปกติจะออกมาเจอถนนใหญ่ ช่วงนี้ไม่มีร่มเลยซักนิด แดดร้อนมากตามสภาพตอนบ่าย

แต่ยังไงเราก็ปั่นไปได้เรื่อย ๆ นะ ประมาณ 23~28 km/hr ประมาณนี้ เราปั่นตรงไปซักพักนึง จะเจอทางโค้ง เลี้ยวขวาเข้าไปยังทางคอนกรีต ปั่นไปพักนึงเจอวัดระหว่างทางที่มีชื่อว่า วัดหนองมงคล

วันนั้นมีงานวัดพอดี เราเลยต้องเลี้ยวขวาเข้าวัด ทะลุตัววัดแล้วออกจากวัดเลี้ยวขวาไปตามถนนคอนกรีต

วัดหนองมงคล (ภาพจาก Google Street View) วันนั้นมีงานวัด เลยต้องเลี้ยวขวาเข้าประตูวัดในภาพ

เมื่อเราปั่นถึงบ้านกรูดแล้ว เราออกไปยังถนนยางมะตอยที่ระยะทางไม่มากนัก แล้วเราก็เข้าไปยังถนนรองที่เป็นคอนกรีตอีกครั้ง ระหว่างทางจะเป็นสวน บ้านพักคนนิดหน่อย ก็ปั่นไปตามปกตินี่แหละครับ

ปั่นไปซักพัก เราออกจากถนนคอนกรีต เราจะพบมีสามแยก เลี้ยวซ้ายไปยังถนนยางมะตอย จุดนี้ทำความเร็วได้ดีขึ้นมาครับ มีเนินซึมขึ้นลงบ้างก็ทำความเร็วได้อยู่

เส้นทางช่วงนี้เป็นทางที่เราปั่นย้อนทางเดิมที่เราปั่นจากทางทับสะแกไปยังจุด Control ทางมันคุ้น ๆ ตอนนั้นเราปั่นขึ้น ตอนนี้เราปั่นลงเนินแทน ทำความเร็วได้ดี ใช้เกียร์จนจะหมดเลยครับ

ถนนเพชรเกษมช่วงที่ออกจากทับสะแก (ภาพจาก Google Street View)

เมื่อถึงทับสะแกแล้ว เราจะเข้าตัวเมือง เลี้ยวซ้ายขวาวนไปซักพักนึง จะออกถนนเพชรเกษม

ช่วงถนนเพชรเกษมนี้มีรถเยอะ และขับเร็ว เราก็ปั่นไหล่ทางไป ถนนช่วงนี้จะเป็นเนินขึ้นลง เนินโรลลิง เราทำความเร็วส่งลงเนินแล้วปั่นขึ้นไปเป็นระยะ ทำความเร็วได้สุด ๆ ก็ใช้จนเกียร์หมดที่ราว ๆ 40-50 km/hr ปั่นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึง CP3 เวลา 17.27 น (ประมาณห้าสิบนาทีก่อนปิด)

CP3 ปั้มปตท

ถึงแล้ว ประทับตราเช่นเคย เราซื้อของ เก็บใบเสร็จไว้ นั่งกินน้ำ กินขนมพักนึงครับ

จุด Finish

เมื่อนักพักไม่นานนัก เราปั่นออกไปยังถนนเพชรเกษมอีกเช่นเคย ก็ยังเป็นเนินอยู่ ถึงกม.ราว 180 กว่ากิโลเมตร กลับรถใต้สะพาน จากนั้นปั่นกลับมาพักนึง เลี้ยวซ้ายจะเข้าถนนที่มีขนาดเล็กที่เป็นคอนกรีต ตอนเย็น ช่วงนี้พระอาทิตย์ก็ตกพอดี แสงจากสว่างกลายเป็นมืด

ช่วงนี้แหละ หมาเริ่มเปลี่ยนโหมดฮะ พอปั่นไป มีหมาไล่เห่าเป็นระยะ เราปั่นทำความเร็วพักนึงจนกระทั่งออกถนนใหญ่ริมทางรถไฟแถว ๆ หว้ากอที่เคยเป็นจุดสตาร์ทตอน Test run ปั่นทำความเร็วไปได้ไม่เยอะ (20 – 25 km/hr) เราก็เลี้ยงความเร็ว ระหว่างนี้ก็มีอีกทีมที่ (น่าจะหนีตาย) ปั่นหนีไปเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เท่าที่เห็นก็มีพี่รัช (Ratch Here) ที่เขียนรีวิวครับ

จุด Finish

ช่วงสุดท้ายที่ปั่นจากหว้ากอเป็นระยะทาง 10 กว่ากม. สุดท้าย พ้นไปแล้ว เราจะปั่นเข้าตัวเมืองประจวบฯ ถึงตัวสถานีรถไฟประจวบฯ

เราเลี้ยวขวาปั่นตรงไปยังตลาดแถวสะพานสราญวิถี จะเจอจุด Finish ครับ ปั่นจบก่อนปิดราว 1 ชั่วโมง (ปั่นจบ 19.30 น) ถือว่าทำได้ดีนะ กลุ่มหลังจากนี้ก็มีคนเข้ามาอยู่บ้างครับ

อ้อ มีคนที่ใช้ชื่อเพจว่าหมีชิลล์ปั่นจบก่อนผมนะ

ใบบรีเวทก่อนที่จะส่งให้ทีมงาน

สรุป

สำหรับคนที่คนมาปั่นสนามนี้ สนามนี้ก็ไม่ง่าย ไม่ได้ยากจนเกินไปครับ ปั่นสนุก มีจุดให้กินอาหารเยอะระดับหนึ่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีร้าน

สำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะปั่นได้ไหม ไม่ค่อยคิดมากครับ มีคนนึงเอาล้อ 14 สามเกียร์ไปปั่นก็จบได้ครับ

อีกอย่าง มีทีมงานคุณภาพที่ชื่อว่า PAJOD ด้วยครับ ใครจะลงทะเบียนมาปั่น เราแนะนำนะครับผม

By Kittisak Chotikkakamthorn

อดีตนักศึกษาฝึกงานทางด้าน AI ที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัย National Chung Cheng ที่ไต้หวัน ที่กำลังหางานทางด้าน Data Engineer ที่มีความสนใจทางด้าน Data, Coding และ Blogging / ติดต่อได้ที่: contact [at] nickuntitled.com

Exit mobile version