< Nick Untitled

#43 - ลง Fedora Silverblue กับโน้ตบุ๊ค Chuwi Minibook X

ก่อนหน้านี้เราใช้โน้ตบุ๊คอย่าง MacBook Air 11 นิ้วปี 2013 ที่มีขนาดเล็ก เบา และใช้งานได้ดี เสียแต่ซีพียู Core i5 4250u รุ่นนี้มันเก่าไปหน่อยแล้ว แถมยังมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง ส่วนต่อมาเรามี iPad Air 11 นิ้วที่ใช้งานร่วมกันกับ Apple Magic Keyboard ซึ่งมันก็ใช้งานได้ดี แต่มันหนักไปหน่อย และมันใช้ระบบปฏิบัติการ iPadOS ที่ไม่เหมือนกับ macOS ชนาดนั้น

จุดนี้นี่เองที่ทำให้เรามองหาโน้ตบุ๊คที่มีขนาดเล็กมาใช้งาน แต่อย่างไรก็ดีส่วนใหญ่โน้ตบุ๊คที่ขายในปัจจุบันมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 13 นิ้วขึ้นไป ส่วนโน้ตบุ๊คหน้าจอขนาดเล็กอันนี้ที่เจอตอนนั้นก็เป็นของ GPD ซึ่งมีราคาที่สูงไปหน่อย จนกระทั่งมาเจอโน้ตบุ๊คอย่าง Chuwi Minibook X.

Chuwi Minibook X

Chuwi Minibook X เป็นโน้ตบุ๊คขนาดเล็กที่

  • มีหน้าจอขนาด 10.51 นิ้ว ที่มีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1920x1200 pixels
  • มีซีพียูที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานอย่าง Intel N150
  • มีแบตเตอรีที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 8 ชั่วโมงและรองรับการชาร์จเร็วผ่านการเสียบสาย USB-C
  • มีน้ำหนักเบาอยู่ประมาณ 920 กรัม
  • และมีราคาเมื่อลดราคาใน Shopee ลงมาแล้วอยู่ที่ 11,000 กว่าบาท

จากสเปคทางด้านบน และราคานี้ก็เป็นจุดที่ทำให้สนใจที่จะซื้อมาใช้งาน เมื่อกดซื้อมาแล้วรอประมาณ 1-2 วันของก็มาถึงบ้าน เมื่อมาถึงบ้านเช็คสภาพเครื่องอะไรเรียบร้อยแล้วเราก็เปิดเครื่อง เมื่อเปิดมาแล้วก็จะพบหน้าจอการตั้งค่าครั้งแรกของระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่ทางผู้ผลิตโน้ตบุ๊คติดตั้งมาให้

เราก็ทำตามที่หน้าจอการตั้งค่าของ Windows 11 ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้ามาสู่หน้าจอ Desktop ที่เราไม่ชิน แถมมันดูอืด ๆ ไปหน่อย

จุดนี้เราเลยมองหาระบบปฏิบัติการ Linux ที่จะเอามาใช้กับคอมเครื่องนี้ ซึ่งดูจากเน็ตมันก็มีหลาย Distros ที่สามารถใช้งานกับเครื่องนี้ได้ โดยแต่ละ Distros ก็ใช้งานยากง่ายแตกต่างกันไปโดยเราลองใช้ Distros อย่าง Gentoo, Arch Linux, openSUSE (Tumbleweed) โดยทั้งหมดนี้เราใช้งานแล้วก็พบว่าโอเค เพียงแต่

  • ส่วนใหญ่มันต้องใช้งานผ่านคอมมานไลน์ซึ่งมันก็ใช้ได้ดี เพียงแต่เริ่มชี้เกียจใช้ แถมบางครั้งพิมพ์คำสั่งผิดดันไปลบ/แก้ไฟล์ของระบบซะงั้น
  • บาง Distros อย่าง Gentoo ที่ต้องมาคอมไพล์ตัวโค้ดเวลาติดตั้งแพคเกจซึ่งจุดนี้มันเสียเวลาชีวิตไปหน่อย แทนที่จะเอามาทำงาน

จุดนี้เองทำให้เรามองหา Distros ที่มันใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไปมือบอนโดยไฟล์ของระบบ ซึ่งจุดนี้เราลงเอยที่ Distros อย่าง Fedora Silverblue

Fedora Silverblue

Fedora Silverblue เป็น Distro ย่อย Distro หนึ่งของ Fedora ที่มีหลักการของ Immutable OS

Immutable OS จะเป็นแนวคิดของระบบปฏิบัติการที่จะกำหนดให้ Root filesystem จะเป็นอิมเมจหนึ่ง ๆ ที่อ่านได้เพียงอย่างเดียว ส่งผลให้เราไม่สามารถแก้ไข หรืออัพเดทเพียงบางส่วนของ Root filesystem ได้ เวลาที่เราจะติดตั้ง อัพเดท หรือแก้ไข เราจำเป็นต้องอัพเดททั้งอิมเมจแล้วจะให้ผู้ใช้สลับอิมเมจเอา สิ่งนี้คล้ายกันกับการใช้ git ที่เวลาจะอัพเดทไฟล์ในนั้นเราจำเป็นต้อง Commit ลงไป

ส่วนระบบแพคเกจของ Distro นี้ก็ยังใช้ RPM เหมือนเดิม เพียงแต่จะไม่มี DNF มาให่้แบบ Fedora ปกติ เราจำเป็นต้องใช้งานผ่านเครื่องมืออย่าง rpm-ostree ที่จะทำหน้าที่ดึงแพคเกจต่าง ๆ แล้วประกอบกันเป็นอิมเมจ (แปลว่าเวลาที่เราจะใช้งาน เราจำเป็นต้องสร้างอิมเมจใหม่ทั้งหมดนั่นเอง)

ว่าแต่ถ้าเราจะติดตั้งโปรแกรมใช้งานทั่ว ๆ ไปเราจำเป็นต้องทำผ่าน rpm-ostree ไหม คำตอบคือไม่จำเป็นเนื่องมาจาก

  1. เราสามารถติดตั้งโปรแกรมใช้งานผ่าน Flatpak หรือ AppImage ได้เลย โดยการติดตั้งผ่านวิธีนี้เป็นวิธีที่ทางผู้พัฒนา Distro แนะนำ และเป็นวิธีการติดตั้งที่ไม่ไปยุ่งกับไฟล์ระบบอีกด้วย
  2. กรณีที่ไม่มี Flatpak มาให้ เราสามารถใช้งานผ่าน Toolbox ที่เป็น Container แล้วติดตั้งผ่านการพิมพ์คำสั่ง DNF ในนั้นตามปกติได้

ส่วนเรื่องเดสก์ท็อปที่ใช้ของ Distros นี้จะใช้งานเดสก์ท็อปอย่าง GNOME ซึ่งมันดูมินิมอลและสวยสำหรับเรา

การดาวน์โหลด

การดาวน์โหลดทำได้ไม่ยาก เพียงเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์แล้วดาวน์โหลดไฟล์ ISO มาใส่ไว้ใน Flash Drive ด้วยการใช้งานเครื่องมืออย่าง Fedora Media Writer

การติดตั้ง

ให้ผู้ใช้ Restart คอมพิวเตอร์แล้วเลือกให้บูตเข้าไปยัง Flash Drive ที่ได้สร้างขึ้น

เมื่อเข้ามาหน้าจอการติดตั้งแล้ว ตัวหน้าจอการติดตั้งสำหรับ Chuwi Minibook X มันจะไม่เป็นแนวนอนแบบคอมเครื่องอื่น ๆ แต่มันจะเป็นแนวตั้งแทน ซึ่งก็ทนแค่ตอนติดตั้งแค่นั้น โดยการติดตั้ง Fedora Silverblue อันนี้ทำได้ไม่ยากเพียงแค่

  1. เลือกภาษา
  2. เลือก Time Zone
  3. และเลือก Partition ที่เราต้องการติดตั้ง

โดยทั้งหมดตามด้านบนนี้ให้ทำตามหน้าจอที่ปรากฏ เมื่อทำเสร็จหมดแล้วให้กดติดตั้ง

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะเข้ามายังหน้าจอการตั้งค่าครั้งแรก ซึ่งตัวหน้าจอมันไม่อยู่แนวตั้งแบบตอนแรกแล้วซึ่งโอเค จุดนี้ให้เราทำตามหน้าจอที่ปรากฏ ยกเว้นขั้นตอนที่สอบถามว่าจะเปิดใช้ Third-party Repositories หรือไม่ อันนี้ยังไม่ต้องไปเปิดเนื่องมาจากว่าเวลาที่ไปกดเปิดอันนี้แล้วตัวหน้าจอจะค้างไปเลย ไม่สามารถทำอะไรต่อไป จำเป็นต้อง Restart ใหม่ ซึ่งจุดนี้ได้แจ้งเป็น Issue ใน Github เรียบร้อยแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้แก้แล้วหรือยังนะ

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ตัวระบบจะเข้ามายังหน้าจอ Desktop ที่ผู้ใข้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ส่วนการเปิดใช้งาน Third-party Repositories อันนี้เราเปิดได้ผ่านการเปิดแอพ Software เมื่อเปิดมาแล้วโปรแกรมจะถามว่าให้เปิดใช้งาน Third-party Repositories หรือไม่ ให้กดตกลง แค่นี้ก็เปิดใช้งานได้แล้ว

การใช้งาน

หลังจากที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามารถใช้งานได้ตามปกติ จะต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ก็ยังทำได้ทันทีไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Driver อะไรเพิ่ม เสียแต่เวลาที่หมุนหน้าจอตัวคีย์บอร์ดมันจะไม่ถูกปิดไปซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเพราะเราใช้งานโน้ตบุ๊คเป็นหลักครับ แต่สำหรับท่านอื่นอาจจะต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ตอีกที

ส่วนเครื่องมือที่เราใช้งานหลัก ๆ นั้นเราใช้ไม่กี่ตัว โดยแบ่งเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้งานผ่าน rpm-ostree กับ Flatpak

ส่วนโปรแกรมอย่าง DNF ทางระบบปฏิบัติการไม่มีมาให้ แต่ถ้าต้องการลงใช้งานโปรแกรมแบบ Sandbox ผู้อ่านสามารถอ่านเพิ่มเติมเรื่องการใช้งานเครื่องมืออย่าง Toolbox

ส่วนเครื่องมืออื่น ๆ ผู้อ่านสามารถใช้งานได้ในรูปแบบ Container อย่าง Podman

เครื่องมือที่ต้องลงผ่าน rpm-ostree อันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับ Service หรือเป็นเครื่องมือที่ใช้งานผ่าน Command Line ซึ่งก็ได้แก่

  • Tailscale ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่บ้าน รวมถึงเชื่อมต่อเข้ากันกับ Synology
  • Github CLI
  • และ WINE ที่ไว้สำหรับลงโปรแกรม Windows ตัวอย่างเช่น AIS Cloud PC, LINE

การติดตั้งโปรแกรมเหล่านี้ทำได้ไม่ยาก โดย Tailscale กับ Github CLI จำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์ Repository ก่อน ซึ่งทำได้โดยการใช้คำสั่งอย่าง wget (หรือจะใช้ curl ก็ได้) ตามด้านล่างนี้

$ cd /etc/yum.repos.d
$ sudo wget https://pkgs.tailscale.com/stable/fedora/tailscale.repo
$ sudo wget https://cli.github.com/packages/rpm/gh-cli.repo
$ sudo rpm-ostree cleanup -m
$ sudo rpm-ostree refresh-md
$ sudo rpm-ostree install tailscale gh

จากนั้นพิมพ์คำสั่งให้ติดตั้งลงไปในระบบ แล้วก็ Restart เครื่องด้วยคำสั่ง

$ sudo systemctl reboot

เครื่องมือที่ลงผ่าน Flatpak อันนี้สามารถลงผ่านแอพ Software ได้เลย

  • VScodium ก็คือ VS Code เวอร์ชันที่เป็น Open Source ที่ตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไปเช่น Github Co-pilot เป็นต้น
  • โปรแกรม Office อย่าง Libreoffice
  • โปรแกรมตัดต่อภาพอย่าง GIMP เป็นต้น

อย่างไรก็ดี เมื่อติดตั้งโปรแกรมอย่าง VScodium แล้ว ตัวโปรแรกมจะติดปัญหาเรื่อง Permission ของโฟลเดอร์ที่เราต้องการเปิด กรณีนี้เราสามารถแก้ไข Permission ได้โดยการใช้คำสั่งตามด้านล่างนี้

flatpak override --user com.vscodium.codium --filesystem=<ตำแหน่ง Folder ที่เราต้องการอนุญาตให้โปรแกรมนี้เข้าถึงได้>

รีวิว

หลังจากที่ลง Fedora Silverblue กับเครื่อง Chuwi Minibook X แล้วถือว่าโอเค

  • หลังลงปุ๊บเราสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องไปลง Driver อะไรเพิ่มเลย
  • มีแอพรองรับการใช้งานทั่วไปได้ครบครัน โดยหลัก ๆ จะใช้เปิดเว็บ เขียนบล็อก (โดยบทความนี้เขียนบน Chuwi Minibook X ที่ลง Fedora Silverblue) เป็นต้น
  • แถมระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเป็นแบบ Immutable OS ที่ป้องกันคนมือบอนอย่างเราได้อีก อันนี้ถือว่าดี

นอกจากตัว Fedora Silverblue แล้ว เรามาพูดถึงตัวเครื่อง Chuwi Minibook X โดยเครื่องนี้ถือว่าโอเคสำหรับการใช้งาน เนื่องจากเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องที่เล็ก เบา พกพาได้สะดวก แถมแบตก็ยังอืดโดยใช้งานได้หลายชั่วโมงอยู่

ส่วนสำหรับผู้อ่านที่กำลังมองหาเครื่องนี้เพื่อเอามาใช้งานอยู่ ส่วนตัวแนะนำให้ซื้อหามาใช้ครับ อย่างไรก็ดีมันติดตรงที่คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้ CPU อย่าง Intel N150 ที่เป็นซีพียูธรรมดารุ่นล่าง ๆ ซึ่งมันไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นเกม หรือไม่เหมาะกับงานที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ ครับ

นอกจากนี้สำหรับคนที่อยากจะลง Linux กับเครื่องรุ่นนี้นั้น ไม่ต้องกังวลเลย เราสามารถลงปุ๊บแล้วใช้งานได้ปั้บ


Kittisak Chotikkakamthorn

จบทั้งแพทย์ + วิศวะร่วมกับผ่านการฝึกงานทางด้าน AI ที่มหาวิทยาลัยที่ไต้หวันที่พัฒนาเทคนิค Machine Learning ที่เป็น state-of-the-art (SOTA) สำหรบัการแก้ปัญหาทางการแพทย์ ปัจจุบันเขียนบล็อกโดยสนใจเกี่ยวกับทางด้าน Coding, AI, Data รวมถึงเขียนเป็นไดอารี่เป็นหลัก

ผู้อ่านสามารถส่งอีเมลมาทาง contact[at]nickuntitled.com

↑ Go to top


© 2025 Nick Untitled is licensed under CC BY 4.0 / Privacy Policy