วันก่อนได้เรียนในคอร์ส Data science Bootcamp ของ Datarockie ภายในคอร์สนั้นมี Session หนึ่งที่กล่าวถึงการสร้าง Second Brain
Session นั้นเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจ เพราะไม่ได้จำกัดแค่เอาไปใช้งานกับงานทางด้าน Data เพียงอย่างเดียว เรายังใช้กับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันได้อีก
การสร้าง Second Brain นี้มีเหตุผลตามประโยคที่กล่าวตามด้านล่างนี้
“Your mind is for having ideas, not holding them.”
David Allen จากหนังสือ Getting Things Done
ประโยคนี้เป็นประโยคที่มาของหนังสือ Building a Second Brain ที่เขียนโดยผู้เขียนอย่าง Tiago Forte โดยเราสามารถแปลออกมาได้ประมาณว่า
- สมองของเรามีไว้เพื่อสร้างไอเดียใหม่ แต่สมองไม่สามารถเก็บความคิดไว้ได้
- เมื่อเราคิดออกมาได้แล้วนั้น ผ่านไประยะเวลาหนึ่งสิ่งที่คิดไว้ก็จะลืมไปสนิท
ดังนั้นแล้ว เราจำเป็นต้องบันทึกไอเดียนั้นออกมาด้วยการเขียนเก็บไว้ในแหล่งเก็บข้อมูลอย่าง Second Brain
Second Brain

Second Brain คือการเก็บข้อมูลไว้ในแหล่งข้อมูลภายนอกเพื่อให้เราดึงข้อมูลออกมาใช้ในเวลาที่จำเป็น
การสร้าง Second Brain นี้นำไปใช้แก้ปัญหา
- การค้นหาข้อมูลในคนทำงานทางด้าน Knowledge Worker ที่กินเวลาถึง 1 ใน 4 ของวันทำงานวันวันหนึ่ง โดยเพียงครึ่งหนึ่งที่ค้นหาข้อมูลเจอ ส่วนที่เหลือหาไม่เจอ
- การลืมความรู้ที่เราได้จากการเรียน โดยเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง เราจะลืม 50% ผ่านไป 1 วันลืม 60-70% และ 1 สัปดาห์ เราจะลืมไป 90% (หรือจำอะไรไม่ค่อยได้)
การสร้าง Second Brain นี้เราจะสร้างในรูปแบบดิจิทัลมากกว่าที่จะจดลงสมุดโน้ตแบบเดิมก็เนื่องมาจาก
- สมุดโดยน้ำก็เปียก
- และเมื่อเราเขียนเต็มแล้ว เราจำเป็นต้องซื้อเล่มใหม่แล้วเก็บเล่มเก่าไว้ในตู้ เล่มเก่าที่จดนั้นอาจถูกปลวกกินได้
หลังจากทราบเหตุผลแล้ว ตัว Second Brain ที่เราจะสร้างขึ้นมานั้นที่มีคุณสมบัติ ตามด้านล่างนี้ ได้แก่
- ผ่านการมองด้วยมุมมองของเรา
- เขียนด้วยภาษาของเราเอง (Own Word) และจากประสบการณ์ของเราเอง
- เก็บไว้ในโลกอินเตอร์เน็ต (Online)
- และปลอดภัยจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยการใช้ Username และ Password
ผลจากการใช้งาน Second Brain นั้นทำให้
- ไอเดียของเราชัดเจน (Concrete) มากขึ้น
- ไอเดียของเราได้รับการเชื่อมโยงกับไอเดีย และความรู้อื่น ๆ
- เราสะสมความรู้มากขึ้น โดยความรู้ที่เราสะสมมากขึ้นนั้นเปรียบเสมือนกับดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ที่ยิ่งเก็บก็ยิ่งได้เปรียบ
- และทำให้มุมมองของเราเฉียบคมมากขึ้น
สิ่งที่เขียนตามข้างบนนี้คือ The power of writing thing down ที่เมื่อนำมาเขียนลงบนดิจิทัลแล้ว เรานำมาเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่จนได้ความรู้ หรือ Insight ขึ้นมาใหม่ครับ
ดังนั้นแล้ว ยิ่งเราเริ่มสร้าง Second Brain เร็ว ยิ่งได้เปรียบ
เครื่องมือการสร้าง Second Brain
ต่อจากเหตุผลแล้ว เรามากล่างถึงเครื่องมือสำหรับการทำ Second Brain
เครื่องมือเหล่านี้ก็เป็นแอพจดโน้ตนี่แหละฮะ แอพจดโน้ตนั้นมีให้เราใช้กันหลายแอพเลย ตัวอย่างเช่น Evernote, Notion, Obsidian และ Roam Research
เราสามารถใช้แอพจดโน้ตไหนก็ได้ อย่างไรก็ดีแอพที่แนะนำกันก็เป็นแอพอย่าง Notion ที่มากความสามารถ และเป็นที่นิยม

ขั้นตอนการสร้าง Second Brain
ถัดจากเครื่องมือที่เราจะใช้แล้ว เรามาทราบขั้นตอนการสร้าง Second Brain ครับ
ตัว Second Brain นั้นเราจะมองว่ามันเป็น Production System ที่มีขั้นตอนทั้งหมด 3 ขั้นตอน ได้แก่ เรียน เขียน และ แชร์
สำหรับเทคนิคที่เราจะสร้าง Second Brain นั้นมีชื่อว่า CODE Method ที่ย่อมาจาก Capture, Organized, Distill และ Express
Capture
Capture เป็นการนำความรู้ที่มีประโยชน์และทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมาเก็บไว้ โดยคัดกรองสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปตามประโยคที่ผู้เขียนหนังสือกล่าวไว้ว่า
“Choose to consume information that adds value to our lives and let go of the rest”
Tiago Forte
วิธีการเก็บข้อมูลที่เราต้องการค้นหานั้นมีหลากหลายวิธี ตัวอย่างเช่น การใช้ Notion Web Clipper ที่สามารถเก็บหน้าเพจนั้นลงในโน้ตที่เขียนใน Notion ได้
Organized
Organized เป็นการจัดระเบียบข้อมูลที่เราจดไว้ โดยเก็บตาม Actionability ที่แบ่งออกเป็น
- Hot ที่ใช้ในตอนนั้น ๆ
- หรือ Cold ที่เก็บไว้ในอนาคต
หลักการของการจัดระเบียบนั้น เราจะใช้เทคนิคอย่าง PARA Method
- Project ที่เป็นงานในระยะสั้นที่ต้องทำสำเร็จ มีเป้าหมายและ Deadline ที่ชัดเจน
- Area ที่เป็นงานตามความรับผิดชอบของเรา ไม่มี Deadline
- Resource เป็นข้อมูลทั่วไปตามความสนใจของเรา ที่อาจจะได้ใช้ในอนาคต
- Archive ที่ไม่ได้อยู่ใน 3 กลุ่มแรกที่อาจจะงานที่ทำเสร็จแล้ว หรือเป็นสิ่งที่เราอยากเก็บสำรองเอาไว้
Distill
Distill เป็นจดโน้ตที่กรองเอาข้อความส่วนที่ไม่สำคัญออกไป เพื่อที่จะโฟกัสเฉพาะเนื้อหาเน้น ๆ เพื่อให้มีคุณค่ามากที่สุด ขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญต่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ดั่งตามคำพูดที่ผู้เขียนหนังสือกล่าวไว้ว่า
“Distillation is at the very heart of all effective communication.”
Tiago Forte
ขั้นตอน Distill ขั้นตอนนี้เราสามารถใช้เทคนิคอย่าง Progressive Summarization ที่มีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ได้แก่
- Capture Notes โดยมองหาบทความที่ต้องการ
- Bold Message ที่เน้นข้อความ หรือ Keyword โดยทำเป็นตัวหนา
- Highlight Passage เน้นไฮไลค์ส่วนที่สำคัญในข้อความที่ทำตัวหนานั้น ๆ เอาไว้
- Executive Summary สรุปออกมาเป็นคำพูดของเราเอง
Express
Express เป็นการเผยแพร่ความรู้ ขั้นตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องเขียนออกมาเป็นข้อความยาว 4-5 หน้า เราสามารถเขียนเป็นข้อความสั้น ๆ ที่มีแค่ 2-3 ประโยค เราก็แชร์ให้คนอื่นอ่านได้แล้ว
การแชร์ Second Brain
เมื่อเราสร้าง Second Brain เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามารถแชร์โน้ตที่เราทำขึ้นให้คนอื่นดูได้ ขั้นตอนนี้จะเป็นการเปลี่ยนตัวเองจาก Consumer ให้เป็น Creator ตามประโยคที่กล่าวว่า
Shift as much of your time and effort as possible from consuming to creating
Tiago Forte
การแชร์ข้อมูลที่เราได้เรียนรู้มาแล้วนี้ เราสามารถแชร์ข้อมูลลงไปในโลกโซเชียลอย่าง Facebook, Instagram, Twitter (หรือ X) หรือเขียนลงบล็อก (แนะนำกรณีที่จริงจัง) แล้วมีคนเข้ามาอ่าน
ยิ่งเราแชร์สิ่งที่เขียนมากไปเท่าไร เราก็จะยิ่งได้โอกาส และยิ่งสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนก็ตาม การมีแหล่งที่แชร์ความรู้ให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้นั้นคือ Secret Sauce สิ่งนี้เราเรียกว่า The power of sharing