Categories
Computer

#31 สั้น ๆ ถึง iPad Air + Magic Keyboard และการใช้แทนโน้ตบุ๊ค

เดิมทีเราซื้อ iPad Air 5th Gen มาใช้ แต่มันเสียตรงที่พิมพ์ไม่ถนัด เลยซื้อ Apple Magic Keyboard แล้วมาคอมเม้นต์สั้น ๆ พร้อมกับแนวทางการใช้งานแทนโน้ตบุ๊ค

ปีก่อน เราซื้อ iPad Air 5th Generation มาใช้งาน โดยตัว iPad นี้ที่เป็นรุ่นที่คนนิยมใช้กันรุ่นหนึ่ง โดยมีการออกแบบที่สวย จอโอเค แถมใช้ซีพียูอย่าง Apple M1 แบบเดียวกัน iPad Pro ในรุ่นเดียวกันตอนนั้น

การใช้งาน iPad รุ่นนั้นถือว่าใช้ดีมาก จดโน้ต ทำงานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต และอื่น ๆ ทำได้สบาย อย่างไรก็ดีข้อเสียของ iPad อย่างนึงเลยก็คือการพิมพ์ที่ทำได้ไม่สะดวกเท่าไรเพราะมันต้องพิมพ์บนหน้าจอ จะเขียนด้วยปากกา Apple Pencil แล้วนี่มันเขียนได้ช้าไปหน่อย

จากข้อเสียเหล่านี้ เราก็เลยซื้อ Apple Magic Keyboard สำหรับ iPad มาใช้งาน

จริง ๆ มันไม่ได้เป็นรุ่นใหม่อะไร แต่ยังไม่เคยมีเคสนี้เลยเขียนรีวิวนิดหน่อย และเขียนเสริมถึงการนำไปใช้งานแทนโน้ตบุ๊ค

Apple Magic Keyboard

Apple Magic Keyboard

Apple Magic Keyboard ที่เป็นเคสของ iPad ที่ได้รับการออกแบบโดยบริษัท Apple เคสนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเสริมการทำงานของ iPad โดยตัวเคสนี้มี Keyboard, TrackPad และขาตั้งที่ปรับได้ ที่ทำให้ iPad มีลักษณะที่คล้ายกันกับโน้ตบุ๊คมากขึ้น [1]

จุดเด่นของ Magic Keyboard นี้ ได้แก่

  • การออกแบบที่ทำให้ตัว iPad ลอยขึ้น และสามารถปรับองศาของ iPad ได้
  • ลักษณะตัวเคสที่เข้ากันได้กับ iPad
  • ลักษณะตัวคีย์บอร์ดที่เป็น Full size กับมีแสงออกมาจากตัว iPad
  • การทำงานตัวแป้นคีย์บอร์ดที่ใช้ Scissor Mechanism ที่ทำให้พิมพ์คีย์บอร์ดได้อย่างเงียบ และมีการตอบสนองที่ดี
  • ตัว Trackpad ที่รองรับการใช้งานบน iPad OS เป็นอย่างดี
  • และการเชื่อมต่อที่ทำได้ง่าย แค่เอา iPad แปะกับตัวเคสแล้วก็ใช้งานได้เลย
  • ร่วมกับมีช่องเสียบ USB-C ที่ชาร์จตัว iPad ได้เลย ทำให้เหลือช่อง USB-C ที่ด้านล่างของ iPad ทำให้เราเชื่อมกับ Adapter หรือ USB Hub เสริมได้สบาย

รีวิวนิดหน่อย (เหรอ)

iPad Air 5th Gen ที่ใส่เคส Apple Magic Keyboard

เมื่อทราบคุณสมบัติแล้ว และเราก็ซื้อมาใช้แล้ว เราก็นำมาใช้งานกับ iPad Air เพื่อใช้งานแทนโน้ตบุ๊คที่เดิมเราใช้โน้ตบุ๊คอย่าง ASUS ROG Flow X13

จุดดีอย่างหนึ่งของการใช้ iPad Air + Magic Keyboard เลย ได้แก่

  • แบตที่สามารถใช้งานได้นานกว่าโน้ตบุ๊ค จุดนี้ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะตัว iPad Air มันใช้ชิฟ Apple M1 ที่มีสถาปัตยกรรมอย่าง ARM ที่ใช้ไฟน้อยกว่าโน้ตบุ๊คที่ใช้ชิฟ AMD Ryzen กับการ์ดจออย่าง NVIDIA มาก
  • ความร้อนที่เราแทบจะไม่รู้สึกเท่าไรเมื่อใช้งานบน iPad จุดนี้แตกต่างกับการใช้งานบนโน้ตบุ๊คที่มีพัดลมเป่าลมร้อนออกมาตลอดเวลา แถมบางครั้งใช้งานอยู่ดี ๆ โน้คบุ๊คดันดับเองเนื่องจากความร้อนสูงเกินกว่าที่คอมจะรับได้
  • การพกพา ที่ทำได้สะดวก เนื่องจากมันมีขนาดที่เล็กกว่าโน้ตบุ๊ค
  • TrackPad ที่ทำงานได้ดีกว่า Touchpad บน Windows มาก โดยมันลื่น แถมรองรับการใช้งานแบบ Multi-touch
  • คีย์บอร์ด ที่มันเงียบกว่าบนโน้ตบุ๊ค

อย่างไรก็ดี ข้อเสียของการทำ iPad + Magic Keyboard มาใช้เลย ได้แก่

  • มันไม่มีปุ่ม Function แบบที่ใช้งานบนโน้ตบุ๊ค จุดนี้ชดเชยได้โดยการใช้งานผ่าน Control Center
  • ระยะห่างระหว่างปุ่มตัวเลขแถมบนกับ iPad มันใกล้กันไปหน่อย ทำให้บางทีนิ้วมันไม่ชน 😛
  • ขนาดปุ่มบางปุ่มที่มันเล็กไปหน่อย ก็ไม่แปลก เพราะ iPad Air มันมีหน้าจอ 10.9 นิ้ว การออกแบบคีย์บอร์ดที่รองรับการจอขนาดนี้ก็ต้องลดขนาดปุ่มบางปุ่มบ้างนะแหละ
  • ราคาที่สูง เพราะแค่เคสราคาก็ปาไปหมื่นนึงแล้ว

นอกจากนี้จุดหนึ่งเลยที่อาจจะเป้นข้อด้อย (มั้ง) นั่นก็คือเรื่องแอพที่อาจจะใช้งานไม่เต็ม 100% แบบโน้ตบุ๊ค อย่างไรก็ดี เราแก้ได้โดยใช้แอพ + บริการตามด้านล่างนี้

รายละเอียดแอพด้านล่างนี้เอาบางส่วนของบทความเก่ามาใช้

งานเอกสาร

เราใช้แอพสำหรับงานเอกสารหลายแอพ ตัวอย่างเช่น

  • Goodnotes สำหรับการอ่านไฟล์ PDF ร่วมกับจดโน้ค ไฮไลค์ พิมพ์ข้อความ และอื่น ๆ
  • iA Writer สำหรับการพิมพ์บทความ และพิมพ์ออกมาเป็นไฟล์เอกสาร
  • Office สำหรับการงานเอกสาร Word, Excel และ PowerPoint
  • Notes สำหรับการจดโน้ต

ตัวโปรแกรมเหล่านี้รองรับการใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดได้เป็นอย่างดี แถมมันรองรับ Shortcut ทั้งหลายแหล่ด้วยการใช้ปุ่ม Command + ปุ่มต่าง ๆ ขึ้นกับการเขียนโปรแกรมของแอพเหล่านั้น

เล่นเน็ต

จุดนี้เราใช้แอพอย่าง Safari ที่ติดมากับ iPad OS อยู่แล้ว โดยแอพนี้ออกแบบโดย Apple เอง ซึ่งมันก็ต้องรองรับการใช้งานคีย์บอร์ดผ่านการใช้ Shortcut อยู่แล้ว

เขียนโปรแกรม

เราใช้แอพสำหรับเขียนโปรแกรมได้แก่

  • Textastic ที่เป็นเครื่องมือ IDE สำหรับการเขียนโค้ดบน iPad โดยเครื่องมือนี้รองรับหลายภาษา (รวมถึง Python) รวมถึงรองรับการใช้งานผ่าน SSH กับ FTP/SFTP และอื่น ๆ ทำให้การรีโหมดไปยัง Server ทำได้สบายมาก
  • Pythonista ที่เป็นเครื่องมือเขียนโค้ดภาษา Python ที่มีไลบรารีรองรับเยอะพอสมควร โดยแอพนี้มีแพคเกจอย่าง Numpy, Matplotlib และ PIL มาให้ด้วย
  • Blink ที่เป็นเครื่องมือที่เดิมมันรองรับการใช้ SSH แต่ตอนนี้มี IDE อย่าง Visual Studio Code ให้ใช้ทำให้เขียนโค้ดได้ดีกว่าเดิม

บริการคลาวด์

เดิมใช้งานบริการบน DigitalOcean แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้ตัวไหน แต่เห็นข่าว AIS มีบริการ Cloud PC ที่จะเปิดตัวปลายปีนี้ก็น่าสนใจ เพราะ

  • มันมีแอพติดตั้งมาให้หลายตัว ได้แก่ Microsoft Office 365, Microsoft Team, Acrobat Reader, Microsoft Defender, Google Chrome และ 7-zip
  • มันลงแอพอะไรก็ได้ โดยเราสามารถลงแอพเพื่อเขียนโค้ด คอมไพล์ และอื่น ๆ บนคลาวด์ได้เลย สะดวกมาก ร่วมกับมันน่าจะลง Docker ได้ ซึ่งดี เพราะมันต่อยอดอะไรได้อีกเยอะ
  • ราคาถูก โดยสเปคต่ำสุดที่ราคา 299 บาท มันให้ Virtual CPU มา 4 Core กับให้ RAM 8GB และให้ความจุอย่าง 500GB ซึ่งถูกกว่าการไปใช้บริการคลาวด์เจ้าอื่นที่มีสเปคเดียวกัน

สรุป

Apple Magic Keyboard เป็นเคสที่ออกแบบมาให้ใช้งานบน iPad ที่ทำให้เราใช้งานได้คล้าย ๆ กับโน้คบุีค โดยเมื่อเทียบกับโน้คบุ๊คที่ใช้ประจำตัวถือว่า Magic Keyboard + iPad มันดีกว่าเพราะแบตนานกว่า เครื่องก็ไม่ร้อน พกพาได้สะดวก กับ TrackPad ที่ดีกว่า และคีย์บอร์ดที่เงียบกว่า

อย่างไรก็ดีมันมีจุดด้อยบ้าง ซึ่งก็๋ต้องปรับตัวอ่ะนะ แถมปัญหาหลักเลยก็เรื่องแอพ อันนี้เราก็ชดเชยได้โดยการใช้แอพอื่นทดแทน รวมถึงใช้บริการคลาวด์เพื่อลงแอพบางตัวที่มันไม่มีบน iPad ครับ

ที่มา

  1. ChatGPT

By Kittisak Chotikkakamthorn

อดีตนักศึกษาฝึกงานทางด้าน AI ที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัย National Chung Cheng ที่ไต้หวัน ที่กำลังหางานทางด้าน Data Engineer ที่มีความสนใจทางด้าน Data, Coding และ Blogging / ติดต่อได้ที่: contact [at] nickuntitled.com