ปีก่อน เราซื้อ iPad Air 5th Generation มาใช้งาน โดยตัว iPad นี้ที่เป็นรุ่นที่คนนิยมใช้กันรุ่นหนึ่ง โดยมีการออกแบบที่สวย จอโอเค แถมใช้ซีพียูอย่าง Apple M1 แบบเดียวกัน iPad Pro ในรุ่นเดียวกันตอนนั้น
การใช้งาน iPad รุ่นนั้นถือว่าใช้ดีมาก จดโน้ต ทำงานเอกสาร ใช้งานอินเตอร์เน็ต และอื่น ๆ ทำได้สบาย อย่างไรก็ดีข้อเสียของ iPad อย่างนึงเลยก็คือการพิมพ์ที่ทำได้ไม่สะดวกเท่าไรเพราะมันต้องพิมพ์บนหน้าจอ จะเขียนด้วยปากกา Apple Pencil แล้วนี่มันเขียนได้ช้าไปหน่อย
จากข้อเสียเหล่านี้ เราก็เลยซื้อ Apple Magic Keyboard สำหรับ iPad มาใช้งาน
จริง ๆ มันไม่ได้เป็นรุ่นใหม่อะไร แต่ยังไม่เคยมีเคสนี้เลยเขียนรีวิวนิดหน่อย และเขียนเสริมถึงการนำไปใช้งานแทนโน้ตบุ๊ค
Apple Magic Keyboard
Apple Magic Keyboard ที่เป็นเคสของ iPad ที่ได้รับการออกแบบโดยบริษัท Apple เคสนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเสริมการทำงานของ iPad โดยตัวเคสนี้มี Keyboard, TrackPad และขาตั้งที่ปรับได้ ที่ทำให้ iPad มีลักษณะที่คล้ายกันกับโน้ตบุ๊คมากขึ้น [1]
จุดเด่นของ Magic Keyboard นี้ ได้แก่
- การออกแบบที่ทำให้ตัว iPad ลอยขึ้น และสามารถปรับองศาของ iPad ได้
- ลักษณะตัวเคสที่เข้ากันได้กับ iPad
- ลักษณะตัวคีย์บอร์ดที่เป็น Full size กับมีแสงออกมาจากตัว iPad
- การทำงานตัวแป้นคีย์บอร์ดที่ใช้ Scissor Mechanism ที่ทำให้พิมพ์คีย์บอร์ดได้อย่างเงียบ และมีการตอบสนองที่ดี
- ตัว Trackpad ที่รองรับการใช้งานบน iPad OS เป็นอย่างดี
- และการเชื่อมต่อที่ทำได้ง่าย แค่เอา iPad แปะกับตัวเคสแล้วก็ใช้งานได้เลย
- ร่วมกับมีช่องเสียบ USB-C ที่ชาร์จตัว iPad ได้เลย ทำให้เหลือช่อง USB-C ที่ด้านล่างของ iPad ทำให้เราเชื่อมกับ Adapter หรือ USB Hub เสริมได้สบาย
รีวิวนิดหน่อย (เหรอ)
เมื่อทราบคุณสมบัติแล้ว และเราก็ซื้อมาใช้แล้ว เราก็นำมาใช้งานกับ iPad Air เพื่อใช้งานแทนโน้ตบุ๊คที่เดิมเราใช้โน้ตบุ๊คอย่าง ASUS ROG Flow X13
จุดดีอย่างหนึ่งของการใช้ iPad Air + Magic Keyboard เลย ได้แก่
- แบตที่สามารถใช้งานได้นานกว่าโน้ตบุ๊ค จุดนี้ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะตัว iPad Air มันใช้ชิฟ Apple M1 ที่มีสถาปัตยกรรมอย่าง ARM ที่ใช้ไฟน้อยกว่าโน้ตบุ๊คที่ใช้ชิฟ AMD Ryzen กับการ์ดจออย่าง NVIDIA มาก
- ความร้อนที่เราแทบจะไม่รู้สึกเท่าไรเมื่อใช้งานบน iPad จุดนี้แตกต่างกับการใช้งานบนโน้ตบุ๊คที่มีพัดลมเป่าลมร้อนออกมาตลอดเวลา แถมบางครั้งใช้งานอยู่ดี ๆ โน้คบุ๊คดันดับเองเนื่องจากความร้อนสูงเกินกว่าที่คอมจะรับได้
- การพกพา ที่ทำได้สะดวก เนื่องจากมันมีขนาดที่เล็กกว่าโน้ตบุ๊ค
- TrackPad ที่ทำงานได้ดีกว่า Touchpad บน Windows มาก โดยมันลื่น แถมรองรับการใช้งานแบบ Multi-touch
- คีย์บอร์ด ที่มันเงียบกว่าบนโน้ตบุ๊ค
อย่างไรก็ดี ข้อเสียของการทำ iPad + Magic Keyboard มาใช้เลย ได้แก่
- มันไม่มีปุ่ม Function แบบที่ใช้งานบนโน้ตบุ๊ค จุดนี้ชดเชยได้โดยการใช้งานผ่าน Control Center
- ระยะห่างระหว่างปุ่มตัวเลขแถมบนกับ iPad มันใกล้กันไปหน่อย ทำให้บางทีนิ้วมันไม่ชน 😛
- ขนาดปุ่มบางปุ่มที่มันเล็กไปหน่อย ก็ไม่แปลก เพราะ iPad Air มันมีหน้าจอ 10.9 นิ้ว การออกแบบคีย์บอร์ดที่รองรับการจอขนาดนี้ก็ต้องลดขนาดปุ่มบางปุ่มบ้างนะแหละ
- ราคาที่สูง เพราะแค่เคสราคาก็ปาไปหมื่นนึงแล้ว
นอกจากนี้จุดหนึ่งเลยที่อาจจะเป้นข้อด้อย (มั้ง) นั่นก็คือเรื่องแอพที่อาจจะใช้งานไม่เต็ม 100% แบบโน้ตบุ๊ค อย่างไรก็ดี เราแก้ได้โดยใช้แอพ + บริการตามด้านล่างนี้
รายละเอียดแอพด้านล่างนี้เอาบางส่วนของบทความเก่ามาใช้
งานเอกสาร
เราใช้แอพสำหรับงานเอกสารหลายแอพ ตัวอย่างเช่น
- Goodnotes สำหรับการอ่านไฟล์ PDF ร่วมกับจดโน้ค ไฮไลค์ พิมพ์ข้อความ และอื่น ๆ
- iA Writer สำหรับการพิมพ์บทความ และพิมพ์ออกมาเป็นไฟล์เอกสาร
- Office สำหรับการงานเอกสาร Word, Excel และ PowerPoint
- Notes สำหรับการจดโน้ต
ตัวโปรแกรมเหล่านี้รองรับการใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดได้เป็นอย่างดี แถมมันรองรับ Shortcut ทั้งหลายแหล่ด้วยการใช้ปุ่ม Command + ปุ่มต่าง ๆ ขึ้นกับการเขียนโปรแกรมของแอพเหล่านั้น
เล่นเน็ต
จุดนี้เราใช้แอพอย่าง Safari ที่ติดมากับ iPad OS อยู่แล้ว โดยแอพนี้ออกแบบโดย Apple เอง ซึ่งมันก็ต้องรองรับการใช้งานคีย์บอร์ดผ่านการใช้ Shortcut อยู่แล้ว
เขียนโปรแกรม
เราใช้แอพสำหรับเขียนโปรแกรมได้แก่
- Textastic ที่เป็นเครื่องมือ IDE สำหรับการเขียนโค้ดบน iPad โดยเครื่องมือนี้รองรับหลายภาษา (รวมถึง Python) รวมถึงรองรับการใช้งานผ่าน SSH กับ FTP/SFTP และอื่น ๆ ทำให้การรีโหมดไปยัง Server ทำได้สบายมาก
- Pythonista ที่เป็นเครื่องมือเขียนโค้ดภาษา Python ที่มีไลบรารีรองรับเยอะพอสมควร โดยแอพนี้มีแพคเกจอย่าง Numpy, Matplotlib และ PIL มาให้ด้วย
- Blink ที่เป็นเครื่องมือที่เดิมมันรองรับการใช้ SSH แต่ตอนนี้มี IDE อย่าง Visual Studio Code ให้ใช้ทำให้เขียนโค้ดได้ดีกว่าเดิม
บริการคลาวด์
เดิมใช้งานบริการบน DigitalOcean แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้ตัวไหน แต่เห็นข่าว AIS มีบริการ Cloud PC ที่จะเปิดตัวปลายปีนี้ก็น่าสนใจ เพราะ
- มันมีแอพติดตั้งมาให้หลายตัว ได้แก่ Microsoft Office 365, Microsoft Team, Acrobat Reader, Microsoft Defender, Google Chrome และ 7-zip
- มันลงแอพอะไรก็ได้ โดยเราสามารถลงแอพเพื่อเขียนโค้ด คอมไพล์ และอื่น ๆ บนคลาวด์ได้เลย สะดวกมาก ร่วมกับมันน่าจะลง Docker ได้ ซึ่งดี เพราะมันต่อยอดอะไรได้อีกเยอะ
- ราคาถูก โดยสเปคต่ำสุดที่ราคา 299 บาท มันให้ Virtual CPU มา 4 Core กับให้ RAM 8GB และให้ความจุอย่าง 500GB ซึ่งถูกกว่าการไปใช้บริการคลาวด์เจ้าอื่นที่มีสเปคเดียวกัน
สรุป
Apple Magic Keyboard เป็นเคสที่ออกแบบมาให้ใช้งานบน iPad ที่ทำให้เราใช้งานได้คล้าย ๆ กับโน้คบุีค โดยเมื่อเทียบกับโน้คบุ๊คที่ใช้ประจำตัวถือว่า Magic Keyboard + iPad มันดีกว่าเพราะแบตนานกว่า เครื่องก็ไม่ร้อน พกพาได้สะดวก กับ TrackPad ที่ดีกว่า และคีย์บอร์ดที่เงียบกว่า
อย่างไรก็ดีมันมีจุดด้อยบ้าง ซึ่งก็๋ต้องปรับตัวอ่ะนะ แถมปัญหาหลักเลยก็เรื่องแอพ อันนี้เราก็ชดเชยได้โดยการใช้แอพอื่นทดแทน รวมถึงใช้บริการคลาวด์เพื่อลงแอพบางตัวที่มันไม่มีบน iPad ครับ
ที่มา
- ChatGPT