โดยปกติเวลาเราซื้อจอคอมพิวเตอร์ เราจะซื้อจอทั่ว ๆ ไปที่รองรับ VGA, DVI หรือ HDMI ใช่ไหมครับ สำหรับเรา เราก็ตอบว่าใช่ เราใช้จอแบบนี้อยู่ เป็นจอของ Dell ทั้งคู่ที่มีขนาด 23 นิ้ว แต่ทีนี้เวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่าง Surface Pro X หรือใช้แท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่รองรับ USB-C เราจำเป็นต้องหาตัวแปลง อันนี้เป็นจุดที่ไม่สะดวกเลย (สำหรับเรา)
ไม่สะดวกเพราะว่าอะไรล่ะ?
ดูจากภาพข้างบนนี้ได้ครับ เราจำเป็นต้องหาตัวแปลงมาต่อที่มีช่องเสียบ USB ที่จำกัดจำเขี่ย แถมโต๊ะรกกว่าเดิมอีก แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี?
คำตอบก็คือ ถ้าเป็นช่วงโควิดที่เศรษฐกิจยังไม่ดีมาก ก็คงยังไม่เปลี่ยนจอ แต่หลังจากที่วัคซีนตัวที่ดีกว่าตัวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเข้ามา และฉีดมากพอ จนกระทั่งเปิดประเทศได้ และเศรษฐกิจ (รวมถึงการเมือง) กลับมาดี ก็แนะนำให้ลงทุนกับจอดี ๆ ไปเลย
คุณสมบัติที่ต้องการ
จอที่ดีสำหรับเราเป็นอย่างไร จอที่ดีสำหรับเราจะเป็น
- จอที่มีขนาดใหญ่พอที่นั่งระยะห่างระหว่างจอกับคนประมาณ 80 cm ถึง 1 เมตร ที่ยังมองเห็นตัวอักษรได้ชัด โดยที่ไม่ต้องเพ่งหน้าจอ
- ความสว่างหน้าจอเหมาะสม ไม่มีแสงสะท้อนมากจนเกินไป
- ปรับความสูงของจอได้ อันนี้จำเป็นมาก เพราะเราจะปรับให้ระดับหน้าจอพอดีกับสายตาได้โดยที่ไม่ต้องก้มคอลองไปมองที่หน้าจอ ซึ่งส่งผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณคอ ทำให้ปวดคอเวลาที่ใช้งานนาน ๆ
- รองรับการเสียบ USB-C ด้วย เพราะจะใช้งานแทนอันเดิมไปเลย และลดภาระการเสียบสาย เสียบตัวแปลงอีกด้วย เนื่องจากตัวหน้าจอมีช่องเสียบ USB 3 มาให้ เราสามารถเสียบเมาส์ คีย์บอร์ด กล้องเว็บแคมได้ สะดวกมาก ๆ นะ
หน้าจอที่เล็ง ๆ ไว้
จอแบบนี้ที่เราดูไว้ก็มีหลายยี่ห้อ แต่ที่ชอบก็เป็นจอของ Dell Ultrasharp เนื่องจากเคยใช้จอ Dell แล้วประทับใจ และประกันยาว 3 ปีเลย มีรุ่นหนึ่งที่ชอบก็เป็น Dell Ultrasharp U4320Q ที่มีหน้าจอ 42.5 นิ้ว ตามวิดีโอด้านล่างนี้ (แต่ยี่ห้ออื่นเราก็ดูอยู่นะ เช่น Samsung, BenQ, Huawei และอื่น ๆ อันนี้แค่เอามายกตัวอย่าง)
คุณสมบัติที่ชอบเราแบ่งได้เป็นสองหมวด ก็ได้แก่
- คุณสมบัติหน้าจอ และความละเอียด
- การเสียบสายหน้าจอ
สิ่งนี้เราจะกล่าวในหัวข้อถัดไปครับ
หน้าจอ และความละเอียด
จอ 42.5 นิ้ว ใหญ่พอที่จะทำงานได้สะดวกสบายจนนั่งห่างจากหน้าจอเกือบ ๆ 1 เมตรแล้วยังเห็นได้ชัด จอนี้มีความละเอียดหน้าจอระดับ 4K ที่ไม่ต้องบรรยายมาก ละเอียดกว่าจอเดิมที่ใช้ความละเอียด 1080p อย่างชัดเจนครับ ส่วนเรื่องสีที่แสดงผล อันนี้เราไม่ต้องกังวลเลย โอเคกว่าจอเดิมแน่นนอน เหมาะกับกาารทำงานกับงานภาพ กราฟิกที่ถ่ายจากกล้องแล้วสีเพี้ยนลดลง
ปัญหาอีกปัญหาหนึ่งที่เราพบเจอเวลาทำงาน ก็คือระดับของหน้าจอมันไม่พอดีกับสายตา ถ้ามีจอแบบนี้ เราปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับที่พอดีกับสายตา ไม่ต้องก้มศีรษะอีก ลดการใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณคอบ่าไหล่ได้
การเสียบสาย
จอแบบนี้เรายิ่งชอบใหญ่ เพราะมันรองรับ USB-C แล้วมันดีอย่างไรล่ะ?
การรองรับ USB-C ของหน้าจอแบบนี้สะดวกมาก เพราะคุณสมบัติหนึ่งของ USB-C คือมันรองรับการชาร์จไฟผ่านทางสายแบบนี้ ซึ่งคอมพิวเตอร์ Surface Pro X และแท็บเล็ตซัมซุงที่ใช้อยู่รองรับคุณสมบัตินี้เลย เสียบปุ๊บ ชาร์จไฟได้ ไม่ต้องเสียบ Adapter ที่ติดมากับคอมพิวเตอร์ ทำให้ลดจำนวนสายบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ได้ อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ใครใช้ซัมซุง หัวเว่ยรุ่นที่รองรับ USB-C เราสามารถเสียบแล้วใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์ได้เลยนะ ตัวอย่างเช่น Samsung DeX
คุณสมบัติที่ชอบชอง USB-C นอกจากการชาร์จไฟ ก็เป็นตัวหน้าจอมีช่องเสียบ USB 3 มาให้เลย เวลาเราเสียบ USB-C เข้าไป ตัวนี้ทำหน้าที่เหมือน USB Hub เราเอาคีย์บอร์ด เมาส์ เว็บแคม ไมโครโฟนไปเสียบแล้วการจัดสายเป็นระเบียบมากขึ้น ถ้าอยากเสียบเพิ่มก็หา USB Hub มาเสียบเพิ่มได้จะเป็นอะไรไป
เราชอบคุณสมบัติสองอย่างที่กล่าวถึง อย่างไรก็ดีมีจุดข้อสังเกต
ข้อสังเกต และข้อแนะนำสำหรับผู้อ่าน
ข้อสังเกตจุดหนึ่งที่ทำให้เราเลือกจอยี่ห้ออื่น หรือรุ่นอื่นแทนก็เป็นเรื่องราคา ก็ดูไว้พวกจอ BenQ, Huawei และอื่น ๆ ที่ราคาย่อมเยากว่า
หน้าจอที่สูงไป (ไม่) นิดสำหรับเรา เพราะราคาจอประมาณ 30-35,000 บาท ก็คงเก็บเงินไปก่อน พอวิกฤตโควิด (ในไทย) ดีขึ้นแล้ว และเศรษฐกิจดีขึ้นมากกว่าตอนนี้ (ซึ่งในเวลาหลายปี) ก็จะเปลี่ยนหน้าจอเป็นจอใหญ่ประมาณนี้ แต่อาจจะเป็นรุ่นใหม่กว่าเดิม ถึงตอนนั้นจอคงดีกว่านี้แล้วนะ
ส่วนใครอยากจะหาจอคอมพิวเตอร์ไว้เรียนออนไลน์ หรือไว้ทำงาน หน้าจอนี้แนะนำ แต่สำหรับเรียนออนไลน์คงเกินความจำเป็นไปหน่อย ซื้อจอแบบที่เราใช้อยู่ก็ได้ เป็นจอในซีรีส์ Dell E ประมาณ 23.8″ ก็เหลือ ๆ แล้ว จอนี้เป็นจอ IPS สีโอเคในระดับหนึ่ง เอาไว้ดูหนัง ทำงานทั่วไปได้สบายครับ อย่างไรก็ดี จอแบบนี้ไม่มีช่องเสียบ USB-C ถ้าเพิ่มงบไปได้ซักหน่อย ก็จะได้จอที่รองรับ USB-C ครับผม