โควิด-19 ที่เป็นวิกฤตในช่วงนี้ ที่เริ่มระบาดตั้งแต่ต้นปี 2563 จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ราวกลางปี 2564 ที่สถานการณ์โควิดที่เคยคุมได้ในระยะหนึ่ง จนมาถึงกลางเดือนเมษายนที่เริ่มมีการระบาดโควิด-19 กลับมาใหม่จากคลัสเตอร์ทองหล่อที่ปิดร้านอาหารให้ซื้ออาหารกลับบ้านได้เท่านั้น ทำให้กิจการร้านอาหาร ร้านต่าง ๆ ตามร้านที่เงียบมากกว่าปกติ จนกระทั่งเจ๊ง ล้มหายตายจากกันไป
ทีนี้ความเงียบตามสโลแกนเลือกความสงบจบที่คนคนนึงอันนี้ดีไหม ไม่ดีนะ ไม่ดี ไม่ดีเพราะว่าอะไรล่ะ?
ผลกระทบต่อธุรกิจ

ลองนึกถึงสภาพเวลาเราเปิดร้านอาหาร ร้านขายของแล้วไม่มีคนเดินครับ พอไม่มีคนเดินก็ขาดรายได้ แล้วเวลาเราเริ่มทำธุรกิจมันก็ต้องมีต้นทุนตั้งแต่ค่าเช่าที่ ค่าผ่อนตึก สถานที่ ค่าพนักงาน ค่าโสหุ้ย รวมถึงเงินกู้อีก ก็เลยทำให้มีปัญหาเรื่องทำธุรกิจขาดทุน พอขาดทุนไปเรื่อย ๆ ก็ดำเนินการไปก็พบว่าไม่คุ้มกับต้นทุนที่ลงทุนไป
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีคำสั่งมาตรการล็อคดาวน์ (ที่ไม่เรียกว่าล็อคดาวน์) ที่ให้ปิดร้านต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นปิดร้านนวด ร้านอาหารให้ซื้อกลับบ้านได้ ปิดร้านตอนกลางคืน ไม่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และอื่น ๆ แล้วคนก็กลัวการติดเชื้อด้วยเหตุผลที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว ก็ยิ่งซ้ำเติมกิจการให้แย่ลงไปอีก
แล้วนอกเหนือไปกว่านี้ คำสั่งแต่ละคำสั่งที่ประกาศออกมาก็ดันขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มีความแน่นอน นึกจะออกก็ออกเลย ไม่มีการประกาศล่วงหน้า ผ่านมาไม่กี่วันมานี้ก็มีการประกาศให้ควบคุมเข้มงวดมากกว่าปกติ ซึ่งฟังดูแล้วมันก็คือล็อคดาวน์ดี ๆ เลย
ปัญหาที่เกิดขึ้นสามข้อตามด้านบนนี้แล้วทำให้เป็นอย่างไรล่ะ เคยถามตามร้านต่าง ๆ ก็เจ๊งฮะ เจ๊งยับ ยิ่งคนทีกู้ก็มีหนี้เกิดขึ้น แล้วเราก็ต้องไปหารายได้เพิ่มเติมถูกต้องใช่ไหมครับ อย่างไรก็ดีรายได้จะพอไหม ขึ้นกับแต่ละคน บางคนก็ใช่ว่าจะพอต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
แล้วจะไปทำอะไรต่ออีกหละ เพราะแต่ละคนก็มีภาระในชีวิตประจำวัน ต้องดูแลคนรอบตัว นอกเหนือจากนี้บางคนก็ฝึก และทำงานอย่างยาวนานสิบกว่าปีขึ้นไป มีสกิลด้านใดด้านหนึ่งไปแล้ว พอเกิดปัญหานี้ สกิลพวกนี้ก็ใช้ไม่ได้เลย
ปัญหาเหล่านี้หาทางออกยากมาก จนทำให้เกิดปัญหาวิกฤตทางใจ
ปัญหาสุขภาพ

วิกฤตทางใจก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะที่ฟังคลับเฮาส์ไม่นานมานี้ที่พูดถึงโควิดและทางรัฐ กับในแต่ละข่าวเราจะพบว่าคนเป็นซึมเศร้า รวมถึงฆ่าตัวตายกันอยู่ตลอดทุกวัน จุดนี้เราแนะนำว่าถ้าเราเห็นว่าสภาพจิตใจที่แย่ลง (ดิ่งลง) จริง ให้รีบบอกคนรอบข้าง รวมถึงไปพบจิตแพทย์ เพื่อให้ผู้อ่านเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องครับ
นอกเหนือไปกว่านี้ ช่วงวิกฤต เราจะพบว่ามีคนบอกให้คิดบวก คิดบวก และคิดบวก หรือมองเห็นข้อดีของโควิด พอคิดบวกแล้วสุดท้ายก็หลอกตัวเองแหละฮะ วิกฤตมันมีทุกวัน นิวโลว์ ก็ยังมีนิวโลว์อีก แล้วจะคิดบวกได้ยังไง? ปัญหานี้เรียกว่า Toxic Positivity
Toxic Positivity คือการคิดบวก บวกจนซ่อนความรู้สึกติดลบเก็บไว้ในใจ พอเราคิดบวกไปยังรู้สึกทำไมเรายังคิดบวกไม่พอ จนทำให้ความรู้สึกติดลบกัดกินในใจไปเรื่อย ๆ ทำให้ส่งผลเสียต่อทางใจ รวมถึงทางกายในระยะยาวไปเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งการคิดในลักษณะนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ลองหาเพิ่มเติมในกูเกิ้ลได้เลยครับ ในเว็บนี้คือตัวอย่างหนึ่ง
ต่อจาก Toxic Positivity มาเรื่องสุขภาพกายที่ติดเชื้อแล้วเชื้อลงปอด โดยปกติเราต้องไปตรวจเช็คว่าติดเชื้อหรือเปล่าครับ ซึ่งมีวิธีการตรวจ Rapid Test หรือตรวจแบบ PCR เป็นต้น ก็ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลใช่ไหมครับ?
ใช่ครับ แต่ทีนี้พอเตียงไม่สามารถรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม ทางโรงพยาบาลไม่รับตรวจเพิ่ม แล้วถ้าเราป่วยลงปอดแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หาคนรับตรวจไม่ได้ ถึงรับตรวจได้ก็ติดปัญหาเพิ่ม จะไปนอนที่รพ. ไหน?
อันนี้เป็นปัญหายาก (ก หลายตัว) เพราะเราจะเช็คเตียงยังไง ก็ต้องโทรติดต่อทีละรพ. ว่ามีเตียงว่างไหม จนผ่านไปหลายวัน อาการเป็นหนักมากขึ้น ทำให้เสียชีวิต ซึ่งมีข่าวที่คนเสียชีวิตระหว่างที่รอเตียงเป็นระยะครับ
ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาโควิดแล้วยังส่งผลกระทบต่อโรคต่าง ๆ ที่ฉุกเฉินและต้องได้รับการรักษาทันที แต่มันมีปัญหาเรื่องเตียง และเรื่องห้องผ่าตัด ห้องสวนหัวใจที่มีตามโรงพยาบาลใหญ่ ในโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กก็รักษาส่วนนี้ไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถรักษาได้จนเสียชีวิต เป็นจุดที่ทำใจได้ยาก
วิกฤตขนาดไหนล่ะ? ก็ขนาดที่รองปลัดสธ. ยังออกมาร่ำไห้ตามด้านล่างนี้ครับ
ปัญหานี้เท่าที่อ่านในเฟสบุ๊คก็มีอาสาสมัครที่ทำหน้าที่ติดต่อรพ. เพื่อหาเตียงให้เข้ารับการรักษาโควิดอย่างถูกต้องได้ เช่นทีมงานเส้นด้ายที่มีสาขาประดิพัทธ์ที่คุณคริสอยู่ครับ จริง ๆ มีโครงการอื่นแต่เราไม่ทราบแฮะ ลองค้นหาดูในกูเกิล หรือเฟสบุ๊คเพิ่มเติมครับ ด้านล่างคือตัวอย่างหนึ่ง

ส่วนเรื่องเตียงผู้ป่วยเพื่อรักษาโรคอื่นนี่คิดไม่ออกว่าจะแก้กันอย่างไร เพราะปัญหานี้หนักแน่นอน
ทรรศนะที่มีต่อเรื่องนี้

แนวคิดที่มีต่อเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ เราก็ต้องแก้ปัญหาครับ
การแก้ปัญหาก็มีหลายคนออกมาโพส พูดทางโทรทัศน์ ยูทูปกันไปเยอะแล้วครับ เราพูดเพิ่มเติมบางส่วนครับ
ข้อแรก การล็อคดาวน์ก็เป็นการแก้ปัญหาการระบาดของโรคอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ดีการล็อคดาวน์จะต้องควบคู่กับการชดเชยครับ ต้องชดเชยรายได้ระดับหนึ่งให้มีเงินเพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน จากที่ติดตามการชดเชยแต่ละครั้งก็มีตั้งแต่ เราไม่ทิ้งกัน เราชนะ เรารักกัน หรืออื่น ๆ พวกนี้จะต้องทำผ่านโทรทัศน์ที่เป็นสมาร์ทโฟน หรือไปติดต่อที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จุดนี้เองก็มีคนหลายคนออกมากล่าวไว้แล้วครับว่าก็ให้เงินทุกคนไปเลย ให้เป็นเช็ค หรือโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ก็ได้ สะดวก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้เทคโนโลยี ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสมาร์ทโฟน ไม่ใช่ทุกคนที่จะทราบช่องทางติดต่อ

ข้อที่สอง ก็เรื่องวัคซีน อันนี้เราสามารถติดตามจากข่าว บทความทางวิชาการได้เลยครับว่าแต่ละตัวมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน อย่างไร ซึ่งตอนนี้เรามีซิโนแวค, แอสตร้า (ส่วนซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนทางเลือก) ที่ตอนนี้ยังถือว่าไม่เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพที่มีคนตั้งคำถามกันไปเยอะแล้ว ไม่ได้กล่าวถึงในนี้
เราคิดว่าควรจะมีวัคซีนตัวที่ดีกว่าก็เป็น mRNA ที่สามารถป้องกันได้ดี รวมถึงป้องกันเชื้อที่กลายพันธุ์อยู่ได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าตัวที่กล่าวไปก่อนหน้า
ปัญหาหนึ่งที่เจอคือมีคนดิสเครดิตวัคซีนชนิดนี้เป็นระยะ เราก็เอาคนนี้ที่ตอบเรื่องวัคซีน mRNA ที่คนบอกว่าจะทำให้กลายพันธุ์ไปให้อ่านจะดีกว่า ตอบได้สะใจครับ ขอยกตัวอย่างไว้ด้านล่างนี้
Get vaccinated. Stop believing the anti-vax lies.
And if you insist on believing in the crazy conspiracy theories, at least SHUT THE HELL UP about it on Linux kernel discussion lists.Linus Torvalds
อัพเดท: ตอนนี้มีรณรงค์ให้ลงชื่อเพือกระตุ้นให้รัฐบาลนำเข้าวัคซีนแล้วนะครับ จิ้มได้ที่นี่ และมีจัดกิจกรรมแต่งชุดดำ/โบว์ดำในวันพุธที่ 7 กรกฏาคมที่จะถึงนี้ครับ
ข้อที่สาม ก็เป็นเรื่องข่าวสารที่ออกมาสับสนกันไปหมด เวลาหน่วยงานให้ข่าวสารไม่ควรจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา มีเวลาล่วงหน้าให้เตรียมการได้ มีการวางแผนที่ดีครับว่า Roadmap เป็นอย่างไร เราจะทำอะไรเพิ่มเติมบ้างครับ พวกนี้ทำให้เตรียมตัวได้ง่ายมากขึ้นว่าจะใช้ชีวิตกันอย่างไร
สุดท้าย ที่มีคนกล่าวไว้เรื่อง Universal Basic Income

Universal Basic Income (UBI) คือแนวทางที่ให้ทางรัฐจ่ายรายได้พื้นฐานขั้นต่ำแก่ประชาชนทุกคนโดยไม่คำนึงว่าจะมีรายได้มากหรือน้อย รายได้ส่วนนี้ทำให้เกิดประโยชน์เป็นจำนวนมาก ได้แก่
- เป็นรายได้เวลาที่ตกงาน ระหว่างที่กำลังหางาน
- นำไปเรียกทักษะใหม่ ๆ ซึ่งมีหลายเว็บไซต์ที่สอนออนไลน์ได้ ตัวอย่างเช่น Udemy, Pluralsight, Future Skill, Borntodev, YouTube และอื่น ๆ ที่มีคอร์สสอนที่ต้องเสียเงินแต่มีบางช่วงที่ลดราคาเป็นจำนวนมากจนมีราคาคอร์สละ 300 บาท หรือบางคอร์สก็ฟรีเลยครับ
- นำไปเป็นทุนเริ่มต้นทำธุรกิจ
- เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เงื่อนไขที่จะทำให้เรียกรายได้นี้ว่าเป็น UBI มีเงื่อนไข 5 ข้อตามในบทความของเว็บ The Matter ได้แก่
- สวัสดิการที่รัฐให้เป็นเงิน ไม่ใช่สิ่งของ
- ให้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม
- ไม่ต้องมีเงื่อนไข ทั้งเงื่อนไขในการรับและใช้จ่ายเงิน
- จ่ายให้กับปัจเจกบุคคลไม่ใช่ครัวเรือน
- จ่ายประจำ ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ
ซึ่งเป็นนโยบายที่เราเห็นด้วยครับ ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม พี่แขก (คำ ผกา) ได้อธิบายไว้ในยูทูปรายการ #inhereyes แล้วครับ ตามด้านล่างนี้
อัพเดท ลืมไปอีกอย่างก่อนจะจบบทความ ก็บอกว่า ประยุทธ์ และรัฐบาลออกไปเถอะครับ ให้คนที่มีความสามารถขึ้นมาทำงานแทนจะดีกว่า ตามที่มีคุณโทนี่ (Tony Woodsome) กล่าวไว้ในคลับเฮ้าส์ที่กล่าวว่า “ให้อำนาจผมสิ ผมจะหาวัคซีนให้” หรืออีกอย่างก็เป็น “ใช้เวลาแค่ 6 เดือน ฟื้นเศรษฐกิจ” หรือจะเป็นคุณธนาธร หรือคนอื่นก็ได้ครับ#ประยุทธ์ออกไป
ลืมอธิบายรูปด้านบน ด้านบนเป็นห้องแห่งหนึ่งแถวบางปูครับ มีร้านมาตั้งไม่กี่วัน โซนในภาพเป็นโซนที่ไม่มีคนมาเลย เงียบสนิท สื่อกับสถานการณ์ตอนนี้ครับ ได้ความสงบตามที่เลือก