Categories
Diary Sport

Review vintage road bike Emperor 802R

สวัสดีครับ ปกติเวลาดูรีวิวในกรุ๊ปจักรยาน หรือตามเว็บเพจส่วนใหญ่จะเห็นแต่รีวิวจักรยานรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ทีนี้เราก็อยากจะรีวิวแบบเค้าบ้าง นึกไม่ออกว่าจะรีวิวอะไร แต่เห็นหมอบคันนึงที่ใช้มานานเกิน 1 ปีแล้วถือโอกาสที่จะเอามารีวิวบ้างครับ

แต่ก่อนอื่นพอดีไม่ได้ลองหมอบเฟรมอลู คาร์บอน ไทเทเนียม สแตนเลสหรืออื่น ๆ เลยไม่ทราบว่าแบบอื่นเป็นอย่างไรนะครับ ตอนซื้อมาก็ซื้อเฟรมมาแบบไม่รู้อะไรเลย เห็นเป็นวินเทจก็เอามาประกอบใหม่เป็นนีโอวินเทจหน่อยล่ะกัน เลยประกอบเอาตามด้านล่างนี้ครับ

รายละเอียด และส่วนประกอบจักรยาน

รูปภาพตัวจักรยานครับ

Frame: Emperor 802R เป็นเฟรมโครโมลี แต่ไม่ทราบว่าเป็นท่ออะไรเพราะไม่ได้ระบุครับ แต่จากความเห็นหนึ่งในเฟสน่าตะเป็นท่อ TANGE

Drivetrain: Shimano Tiagra 4700 10 speed ผสมกับขาจาน  Velo Orange Gran-cru 46/30 ที่ใช้กะโหลกเหลี่ยมและเฟือง Shimano 11-36

Brake: Shimano Tiagra 4700

Wheelset: Araya SA-730 ดุม fun smooth

Tyre: Panaracer Gravel King 700x26c

Handlebar: Nitto

Stem: Stem คอจุ่มธรรมดาทั่วไปครับ

Seatpost: Uno seatpost 26.8mm

Pedal: Shimano PD-M520

Saddle: SR Selle Royal Remed saddle

Bar Tape: Cyclovation bar tape

Total Weight: 11.4 Kg

ความรู้สึกในการปั่น

เอาหมอบไปปั่นทางไกล

รถไม่พุ่งเท่าไร กดแล้วไม่มาทันที เลยเปลี่ยนการปั่นเป็นการไล่เกียร์เบาไปหาหนักเรื่อย ๆ รถก็ออกตัวได้โอเค พอปั่นเร็วระดับหนึ่งราว 26-35 km/hr รถและล้อก็ทำงาน รถไหลไปได้ตลอด เติมแรงน้อยมาก เวลาปั่นทางไกลแบบ Audax 200-400 km ก็สบายหน่อยครับ ยิ่งตอนปั่นกลุ่มที่ปั่นกลุ่มเร็วประมาณ 30-35 km/hr ก็หมกไปได้เรื่อย ๆ แต่พอปั่นเร็วมากกว่านั้นรู้สึกว่าเฟรมมันตื้อ ๆ อ่ะ พยายามปั่นให้เร็วมากขึ้นเหมือนมันไม่ค่อยตอบสนองเท่าไรแฮะ แถมต้องเติมตลอด

เอารถไปขึ้นเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง ก็ขึ้นได้นะ

ตอนเวลาเจอเนินซึม และเจอเขา ก็รถน้ำหนักเยอะนะ เลยต้องใช้แรงมากกว่าคันอื่น อีกอย่างเวลากดมันไม่มาแฮะทำให้ขึ้นเนิน ขึ้นเขาช้ากว่าคันอื่น แต่ดีที่น้ำหนักตัวคนลดจาก 82 Kg -> 74 Kg เลยขึ้นเขาใช้แรงน้อยหน่อย แต่ยังต้องใช้แรงเยอะกว่าคันอื่นอยู่ดีนะ ยิ่งเจอสนามที่ยากหน่อยเช่น 200 โป่งก้อนเส้าที่ผ่านมาก็ขึ้นได้หมด แต่ตอนขึ้นเขาใหญ่ฝั่งปากช่องนี่ต้องใช้แรงเยอะเกิน เลยเข็นตรงช่วงแบริเออร์ที่สอง

เอาไปปั่นทางราบ ก็สู้ลมได้อยู่นะ ลมแรงมากก็ปั่น 25 km/hr

ตอนเจอลม ตัวรถสู้ลมได้ดี เวลาเจอลมแรงมากก็ยังปั่นได้สบาย ไหลไปได้เรื่อย ๆ ความเร็วไม่ตกมากเท่าไรครับ เจอลมตีข้างก็ไม่ค่อยเซมากครับผม

ทางลูกรังแบบนี้ก็ผ่านได้

เวลาเจอทางไม่เรียบ ถนนลูกรัง ตอนปันกระด้างครับ ไม่ได้นิ่มมากเท่าไร เลยลองลดลมยางลงไปนิดก็นิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้นิ่มมากอะไรครับผม

โดยสรุป

รถเหล็กก็ปั่นจบได้นะ

ตัวรถวินเทจที่ประกอบไปหนักครับ (หนักกว่าหมอบดิสเบรคที่มีขายในปัจจุบันอีก) ปั่นไม่พุ่ง แต่ไหล สู้ลมได้ดี เจอเนิน เจอเขาใช้แรงเยอะกว่าชาวบ้าน ตอนปั่นจบแต่ละงานที่มีเนินเยอะหน่อย หรือเป็นเขามีแต่ผู้จัดบอกว่าให้ลองหารถเบา ๆ หน่อยนะ

แต่พอดีปั่นกับรถคันนี้ตลอดเลยชินกับรถไปแล้วทำให้ไม่ค่อยเหนื่อยอะไรเท่าไร อีกอย่างโดยส่วนตัวแล้วคิดว่ารถที่ดีก็คือรถที่เราปั่นตลอดอยู่แล้ว และเป็นรถที่พาเราไปได้ทุกที่ที่อยากไปนะ ไม่ว่าจะเป็นทางราบ เขา เนินก็ตามครับผม

By Kittisak Chotikkakamthorn

อดีตนักศึกษาฝึกงานทางด้าน AI ที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัย National Chung Cheng ที่ไต้หวัน ที่กำลังหางานทางด้าน Data Engineer ที่มีความสนใจทางด้าน Data, Coding และ Blogging / ติดต่อได้ที่: contact [at] nickuntitled.com

One reply on “Review vintage road bike Emperor 802R”

[…] พอมาถึงปีที่แล้ว ก่อนที่โควิดจะระบาดจนรัฐบาลสั่งล็อคดาวน์ งานปั่น Audax 200BRM ประจวบคีรีขันธ์ได้จัดขึ้นช่วงต้นเดือนมีนาคมพอดี เราเลยสมัครไปปั่นงานนี้เพื่อแก้มือครับ ตอนนั้นไปก็เอาหมอบไปนี่แหละครับ ปั่นสบายขา ไหล ๆ ดีตามที่เคยรีวิวไว้ก่อนหน้านั้น […]